Home
|
ข่าว

“เสรีพิศุทธ์” รับหลักฐานสอบ “สุชัชวีร์” ร่ำรวยผิดปกติ

Featured Image
“เสรีพิศุทธ์”รับหลักฐานสอบ”สุชัชวีร์”ร่ำรวยผิดปกติจาก”วีระ”ยันมุ่งสอบทุจริตต่อหน้าที่ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่ม

 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(กมธ.ป.ป.ช) รับยื่นข้อมูลหลักฐานจาก นายวีระ สมความคิดเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กรณีที่นายสุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพฯของพรรคประชาธิปัตย์ร่ำรวยผิดปกติ

 

โดยนายวีระ กล่าวว่า เอกสารที่นำมายื่นในวันนี้คิดว่าชั้นกรรมาธิการยังไม่มี เช่นหนังสือกู้ยืมเงินกับทางสถาบัน เพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก รวมถึง เอกสารการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เมื่อปี 2553 ขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นบอร์ดประธานการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีทรัพย์สินส่วนตัวไม่ถึง10ล้าน

 

ขณะเดียวกันข้อมูลที่นำมายื่นในวันนี้มีข้อมูลของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายสุชัชวีร์กว่า 10 ราย จึงอยากให้คณะกรรมาธิการเชิญบุคคลเหล่านี้เข้าชี้แจงข้อมูลและตรวจสอบมั่นใจว่าจะสามารถได้ข้อมูลที่จะนำไปสู่การตรวจสอบนายสุชัชวีร์

 

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า หลักในการพิจารณาเหตุร่ำรวยผิดปกติของ นายสุชัชวีร์ ไม่ได้เน้นไปที่การร่ำรวยผิดปกติแต่เน้นไปที่การทุจริตต่อหน้าที่ ที่ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่ม โดยคณะกรรมาธิการจะนำเรื่องเข้าพิจารณาอีกครั้งช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากกมธ.มีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ตรวจสอบอีกเยอะ ไม่ได้ถือว่าเรื่องนี้สำคัญกว่าเรื่องอื่น ประชาชนเดือดร้อนก็ต้องต่อคิวกันไป

 

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า กรณีนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ลงมาตรวจสอบด้วยตนเอง นายสุชัชวีร์ ต้องถูกเอาผิดอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับกรณีของนายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกตรวจสอบจนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งส.ส.นั้น คิดว่ากรณีนายสิระตนเป็นคนตรวจสอบเอง แต่กรณีนายสุชัชวีร์ ก็ให้ว่ากันไปตามปกติตามกระบวนการของกรรมาธิการ

 

ตนในฐานะประธานมีหน้าที่ในการประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ หากเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นระดับนายกรัฐมนตรีลงมาสามารถเชิญเข้าชี้แจงได้หมด ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าไม่เป็นกลางในการตรวจสอบนายสุชัชวีร์นั้น ให้ไปถามนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นหนึ่งในกรรมาธิการด้วย

 

นอกจากนั้นยังกล่าวถึงการโหวตร่างกฎหมายของ ส.ส.พรรค เศรษฐกิจไทยที่เห็นด้วยกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ในการลงมติพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งประเมินดูแล้วเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ทางการเมือง และเห็นว่าไม่มีเหตุจำเป็นทางการเมืองที่จะต้องมาโหวตให้พรรคการเมืองฝ่ายค้าน

 

ส่วนกระแสข่าวว่าภาคเศรษฐกิจไทยมีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น มองว่ามีเพียงกระแสข่าว แม้จะมีความเป็นไปได้ แต่ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ที่พรรคพลังประชารัฐแตกออก เชื่อว่าไม่มีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีแล้ว แม้จะมีการยกเก้าอี้ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการ 2-3 ตำแหน่ง ก็คงไม่เอาแล้ว ซึ่งหากพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าร่วมพรรครัฐบาล

 

เมื่อถึงเวลาลงมติหากไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลคือไม่เอา ไม่จำเป็นต้องบอกว่าอยู่กับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน แต่สามารถอยู่กลางได้ และแน่นอนว่าท่าทีและจุดยืนของพรรคเศรษฐกิจไทย จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมหน้า เพราะเสียงฝั่งรัฐบาลจะลดลง แต่อาจจะมากกว่าฝ่ายค้านนิดหน่อย

 

พร้อมวิเคราะห์ว่ารัฐบาลอาจจะต้องไปซื้อคะแนนจากฝ่ายค้าน เพื่อหวังให้รักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้อยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งกลุ่ม ส.ส. ที่อาจจะได้เป็นแค่สมัยนี้นั้นก็อาจจะเลือกรับประโยชน์แลกกับการโหวตสนับสนุน ในพรรคเสรีรวมไทยได้มีการตรวจสอบอยู่ตลอด และเห็นว่าประเทศไทยวนอยู่แบบนี้ มีแต่การแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กัน

 

สำหรับการรวมตัวของพรรคการเมืองพรรคเล็ก 16 คนนั้น เห็นว่าเป็นการรวมตัวส่งสัญญาณเพื่อต่อรองทางการเมือง หรือเรียกรับผลประโยชน์ทางการเมือง เนื่องจากในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ระบบเลือกตั้งบัตร 2ใบพรรคเล็กจะเสียเปรียบอาจไม่ได้กลับมาอีก แม้พรรคเสรีรวมไทยจะเสียเปรียบเช่นกัน แต่ยืนยันเดินหน้าตามกติกา ด้วยความสุจริต และยังให้ประชาชนศรัทธาในพรรคการเมืองนี้อยู่ แต่พรรคเล็ก ส.ส. 1 คน ระบบเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เกือบจะไม่ได้เข้าสภา กะร่องกะแร่ง

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube