Home
|
ข่าว

สภาล่มอีกแล้ว วุ่นฝ่ายค้าน-รัฐบาลโต้กันไปมาก่อนเสนอนับองค์ประชุม

Featured Image
สภาวุ่นอีก ฝ่ายค้าน-รัฐบาลโต้กันไปมา ก่อนเสนอนับองค์ประชุม “นิโรธ”โวยไม่เหมาะสม “ชวน”ชี้ เป็นสิทธิ์ “ชาดา”จี้ เปิดเผยรายชื่อคนไม่เข้าประชุม

 

ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังเสร็จสิ้นการพิจารณารับทราบประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องนโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และเข้าสู่การพิจารณารับทราบรายงานประจำปี 2562 กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ( โดยผู้ชี้แจงขอเลื่อนชี้แจงเป็นวันที่ 24 ก.พ. 65 )ระหว่างนั้นนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอว่าการรับทราบรายงานมีความจำเป็นที่จะต้องมีองค์ประชุมให้ครบจึงเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ จึงได้เสนอให้นับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ ซึ่งมีผู้รับรองทั้งสองมติ ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอให้วิปทั้งสองฝ่ายไปหารือกันโดยให้เหตุผลว่าการรับทราบรายงานของหน่วยงานเป็นเรื่องที่ไม่ลงมติแต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกในการเสนอ หากสองฝ่สยยืนยันไม่หารือกันก็เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบองค์ประชุมตามข้อบังคับโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้

ระหว่างนั้น มีการโต้เถียงกันระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลโดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมองว่าการเสนอญัตติดังกล่าวไม่สามารถทำได้ โดยระหว่างรอองค์ประชุมนั้น นายนิโรธ ระบุว่าการเสนอนับองค์ประชุมเช่นนี้เหมาะสมและถือเป็นญัตติหรือไม่ จึงอยากให้ประธานฯได้ทบทวน ซึ่งการนับองค์ประชุมเพื่อป่วนสภาฯ เป็นการทำลายความมั่นคงของสภา ผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา มาตรา 157 จนทำให้นายพิเชษฐ์ ลุกขึ้นประท้วง แต่นายนิโรธ ได้สวนทันทีว่า”ขอให้มีมรรยาทหน่อยในสภา อย่าต้องทำให้จริยธรรมตกต่ำ

ทำให้นายชวน ต้องยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะเสนอตรวจสอบองค์ประชุมได้ ส่วนการเสนอเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสามัญสำนึก พร้อมย้ำว่าความจริงแล้วองค์ประชุมครบถ้านับตัวบุคคล

ขณะ นายชวน ระบุ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน 3 สมัย พอจะรู้ดีว่าการใช้สิทธิ์ดังกล่าวเป็นกรณีที่รัฐบาลกลั่นแกล้ง เช่น เขาไม่ให้พูด มีการเสนอปิดอภิปราย ยกมือก็ไม่ให้พูด สมัยนี้ดีไม่มีเลย และสมัยนี้เป็นสมัยที่เราได้อภิปรายทั่วถึงทุกคน “ทุกคนนะครับ” ซึ่งไม่เคยปรากฎอย่างนี้มาก่อน เพราะเราถือว่าสภาเป็นที่พูด แต่การประท้วง หรือการนับองค์ประชุมนั้น สมัยก่อนก็มี ในกรณีที่เห็นว่ารัฐบาลไปกลั่นแกล้งเขา เขายกมือไม่ให้พูด มีคนเสนอปิดอภิปราย ไม่ใช่ลักษณะอย่างปัจจุบัน ผมทราบดีเรื่องพวกนี้ เช่นเวลานับองค์ประชุม ผมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ผมก็นั่งในห้องประชุม เพราะองค์ประชุมสมัยนั้นเขานับตัวคน แต่ปัจจุบันกดบัตร อันนี้คือข้อแตกต่างที่ทำให้บางท่านอยู่ในห้องประชุม บางครั้งห้องประชุมนี้ครบ แต่เนื่องจากสมาชิกบางท่านไม่กดบัตร องค์ประชุมก็เลยไม่ครบ ทั้งที่ความจริงแล้วองค์ประชุมครบ ถ้านับตัวบุคคล อันนี้คือข้อเท็จจริง”

ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยรายชื่อ ส.ส.ทั้งที่มาประชุม ส.ส.ที่เข้าประชุมแต่ไม่เสียบบัตรและส.ส.ที่ขาดประชุม ให้สื่อมวลชนเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน หลังถกเถียงกันกว่า 20 นาที นายชวน ให้สมาชิกตรวจสอบองค์ประชุมโดยการเสียบบัตรปรากฎว่ามีผู้แสดงตนเพียง 227 คนไม่ครบประองค์ทำให้ต้องปิดการประชุมและถือเป็นสภาล่มครั้งที่ 13 ของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ถ้านับรวมการประชุมรัฐสภาถือว่าเป็นครั้งที่ 17

 

โดยสภามีการเผยเผยแพร่ผลการนับองค์ประชุม รัฐบาลแสดงตน 212 ขณะ ฝ่ายค้าน ไม่แสดงตน 192 คน เพื่อไทย มากสุด

สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการเผยแพร่ผลการนับองค์ประชุมที่มี ส.ส.แสดงตนจำนวน 227 คน พบว่า

 

•ฝ่ายค้าน

พรรคเพื่อไทยที่มี ส.ส. 131 คนมีผู้แสดงตนเพียง 5 คน ( ไม่แสดงตน 126 คน ) รวมถึงนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย ผู้ที่เสนอนับองค์ประชุมด้วย

พรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. 51 คนแสดงตน 5 คน ( ไม่แสดงตน 46 คน )

 

•พรรคร่วมรัฐบาล

พลังประชารัฐ ซึ่งมี ส.ส. 97 คน มี ส.ส.แสดงตนเพียง 76 คน ( ไม่แสดงตน 21 คน )

พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส. 59 คน แสดงตน 51 คน ( ไม่แสดงตน 8 คน )

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี ส.ส. 50 คน แสดงตน 36 คน ( ไม่แสดงตน 14 คน )

ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทยที่มี ส.ส.สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ 16 คน ไม่แสดงตนเพียง 3 คนได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายไผ่ ลิกค์ และนายสถิระ เผือกประพันธ์

 

โดยสรุป ส.ส.ฝ่ายค้าน จำนวน 207 คน ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมในวันนี้ 192 คน , ส่วนฝ่ายรัฐบาล 267 คน ไม่แสดงตนเข้าประชุม 55

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube