“ศุภชัย” ตอบข้อสงสัย “จิรัฏฐ์” ย้ำ เอกชนฟ้องการรถไฟฯ ไม่เกี่ยวเปิดศูนย์ฉีดวัคซีน เตือน นอกสภาไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง พวกแชร์ข่าวปลอมระวังถูกฟ้องกลับ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว Suphachai Jaismut ระบุว่า นอกจากดราม่า ก็ … ไม่มีอะไรในกอไผ่ การอภิปรายเมื่อวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง ข้อเสนอที่ดีๆ มั่นใจว่ารัฐบาลสดับรับฟัง และพร้อมนำไปปรับปรุงแก้ไข แต่บางเรื่อง ผู้อภิปรายบางคน ได้ใช้ความมีเอกสิทธิ์ในสภา ที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย ในฐานะผู้แทนราษฎร พูดจาให้เลยเถิด แทนที่จะเป็นการตรวจสอบการทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจ กลับใช้โอกาสนี้ เปิดมหกรรมปั้นข่าวเท็จ มาสร้างความเกลียดชังให้กับสังคม บางคน ผลิตวาทกรรม มาโจมตีฝ่ายตรงข้ามสนุกปาก โดยไม่ต้องรับผิดชอบในข้อมูล เพียงแต่พ่นน้ำลาย ให้กองเชียร์สะใจเรียกยอดไลค์ ไกด์ทางให้ IO ขย่มต่อก็เท่านั้น
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายในสภา เกี่ยวกับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง สัญญาที่ 1 (งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ) ว่า มีผู้รับจ้างก่อสร้าง ได้ยื่นฟ้องขอให้ชำระเงินจำนวน 7,200 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการที่การรถไฟฯ ยังไม่ชำระเงินกับเอกชนผู้รับจ้างก่อสร้าง แต่มาเปิดศูนย์ฉีดวัคซีน อันเนื่องมาจากการมีวัตถุประสงค์แอบแฝง เพื่อเป็นการสมคบกับเอกชนใช้เป็นเหตุผลยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการ
ซึ่งนายจิรัฎฐ์อธิบายว่า การฟ้องร้องที่เกิดขึ้น เพราะ คมนาคมล่าช้า ไม่ยอมส่งเรื่องให้ ครม. พิจารณา หาเงินมาจ่ายค่างานเพิ่มให้ผู้รับเหมา โดยมีข้อสงสัยกันต่อไปว่า การฟ้องร้องเกิดขึ้น เพราะมีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ เพื่อเป็นจุดฉีดวัคซีน
ต่อมากระทรวงคมนาคม ได้ออกมาชี้แจง กรณีการที่เอกชนผู้รับจ้างงานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ยื่นฟ้องการรถไฟฯ นั้น เป็นการยื่นฟ้องเพื่อขอให้ชำระค่างานส่วนสั่งงานเพิ่มเติม หรือ Variation Order ซึ่งเอกชนได้อ้างว่า มีการก่อสร้างตามข้อสั่งการของวิศวกรผู้ควบคุมงาน มาตั้งแต่ปี 2556 เป็นจำนวนหลายรายการ
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวกระทรวงคมนาคมได้รับทราบจากการรถไฟฯ เสนอขอให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติปรับกรอบวงเงินโครงการ มาตั้งแต่ ปี 2563 และได้พิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบ รัดกุมตามกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม ตลอดจนสาระสำคัญที่ผูกพันตามสัญญา และได้มอบหมายให้ การรถไฟฯ รับไปทบทวน ข้อเสนอ การเสนอขยายกรอบวงเงินดังกล่าวให้เกิดความรอบคอบ เนื่องจากเห็นว่าต้องตรวจสอบในข้อเท็จจริงว่าในขณะที่มีการสั่งงาน VO ดังกล่าว ทางวิศวกรผู้รับผิดชอบได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารการรถไฟฯ หรือไม่ ตลอดจนให้ตรวจสอบการดำเนินการอย่างละเอียด ซึ่งมีรายการประมาณ 194 รายการ เป็นจำนวนมากระหว่างปี 2556 จนถึง 2562
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า แม้ว่ากระบวนการเสนอขอปรับกรอบวงเงินโครงการยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่อาคารสถานีกลางบางซื่อได้มีการตรวจรับงานในส่วนอาคารสถานีรถไฟ อาคารศูนย์ซ่อมบำรุง เรียบร้อยแล้วในปี 2563 ก่อนการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ
ในยามที่ประเทศเกิดวิกฤติการณ์โรคระบาด อันเป็นการดำเนินการเพื่อใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อยังประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง ก่อนการเริ่มเปิดการเดินรถไฟสายสีแดงตามวัตถุประสงค์ของโครงการในเดือนสิงหาคม 2564 จึงไม่เกี่ยวข้องกับการถูกผู้รับเหมาฟ้องในกรณีงาน VO แต่อย่างใด
เท่ากับ
1. มีการส่งมอบงานตั้งแต่ยังไม่เปิดศูนย์บริการวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เรื่องที่มีการกล่าวว่า หาว่าการฟ้องร้องเกิดขึ้น เพราะมีการใช้ประโยชน์ ก่อนส่งมอบงานจึงตกไป
2. การฟ้องร้องของเอกชนเกิดขึ้น เพราะมีการปรับแก้การก่อสร้าง ตามข้อสั่งการมาตั้งแต่ปี 2556 หาใช่ เพราะมีการใช้ประโยชน์ ให้เป็นพื้นที่การฉีดวัคซีน ก่อนส่งมอบงาน
3. เรื่องการตั้งงบเพิ่ม ทางกระทรวงคมนาคม นำเข้า ครม.แล้ว ดังนั้น
การกล่าวหาว่า คมนาคมดึง ต้องการให้เกิดคดีความ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนจึงตกไป
ทั้งนี้ หากใคร จะนำข้อมูลของ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล มาเผยแพร่ – ขยายซ้ำ ผมเชื่อว่า จะต้องมีการฟ้องร้อง และใช้กระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เพราะนอกสภานั้นไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองแล้ว ขยันสร้างดราม่าบั่นทอนกำลังใจคนทำงาน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews