“พิพัฒน์” ยืนยันไม่สามารถสนับสนุนงบ 400 ล้านบาท จัดแมตช์แดงเดือดได้ แต่อนุเคราะห์สถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟให้ได้ ย้ำความจำเป็นเก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการของบประมาณจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ว่า บริษัทที่จัดการแข่งขัน ระบุว่าบิ๊กแมตซ์จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม โดยมีการทำเอกสารมายังการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกม.)เพื่อขอให้มีการสนับสนุน ซึ่ง กกท. ได้ทำจดหมายมายังตน แล้วจึงส่งเรื่องไปยังผู้ว่าฯ กกท.ว่า ไม่พร้อมจะสนับสนุนเรื่องงบประมาณ แต่ยินดีจะสนับสนุนในส่วนของสถานที่จัด ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยจะสนับสนุนในส่วนที่ทำได้แต่จะให้งบประมาณมากถึง 400 ล้านบาทคงไม่สามารถทำให้ได้ เพราะผู้จัดการแข่งขันคงหาสปอนเซอร์ได้ด้วยตนเอง
ส่วนกรณีดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาตั๋วเข้าชมแพงขึ้นหรือไม่ ตนมองว่าเป็นความพึงพอใจของผู้ชมมากกว่า เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถห้ามได้ เพราะถือว่าเป็นผลประโยชน์และผลดีต่อประเทศไทย ที่สามารถจัดการแข่งขันแมตช์ระดับโลกได้ ซึ่งส่วนตัวชื่นชมผู้จัดงาน ที่สะท้อนความสามารถในการจัดการแข่งขันของไทย
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ตนคิดว่าไม่สามารถตอบตรงนั้นได้ เนื่องจากการแข่งขันจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมเหลือเวลาอีก 5 เดือน จึงขอให้รอถึงช่วงนั้นก่อน แต่ที่ผ่านมามีการจัดการแข่งขันหลายรายการ ก็จะใช้วิธีตรวจ ATK ก่อนเข้างาน และไม่พบว่ามีปัญหาหรือเกิดเป็นคัตเตอร์ใหม่ ส่วนตัวจึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งระบบสาธารณสุขไทยจะมีการเตรียมพร้อม และขอผู้เข้าชมให้ความร่วมมือ ตนคิดว่าถ้ามีสิ่งเหล่านี้ก็สามารถจัดได้
ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ ยังชี้แจง ถึงประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องการเก็บเงินเหยียบแผ่นดิน 300 บาท กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยืนยันว่าอย่างไรกระทรวงจำเป็นจะต้องเก็บ และไม่ได้เป็นการริเริ่มในยุคที่ตนเองเป็นรัฐมนตรี แต่มีมติมาตั้งแต่ปี 2562 โดยเงินส่วนหนึ่งจะนำไปซื้อประกันให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนที่เหลือก็จัดเก็บเข้ากองทุนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว ยืนยันว่าเงินที่เรียกเก็บจะนำไปใช้จ่ายอย่างเหมาะสมและสามารถตรวจสอบได้ พร้อมบอกว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. เมื่อพูดในสภาก็จบในสภา ทางกระทรวงไม่มีปัญหาอะไร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews