“สมชาย” ไม่รับร่างพรป.พรรคการเมืองบางฉบับ
“สมชาย” ไม่สามารถรับหลักการร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองบางฉบับได้ ชี้จะสร้างปัญหาในอนาคต
การประชุมรัฐสภา พิจารณา ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ…. ที่มี ผู้เสนอให้พิจารณารวม 6 ฉบับ ว่า บรรยากาศของการอภิปรายตลอดช่วงบ่าย ยังเป็นการแสดงความเห็นสนับสนุนและเสนอความเห็นต่อประเด็นที่อยากให้แก้ไข โดยส่วนใหญ่เป็นฝั่ง ส.ส. ขณะที่การแสดงความเห็นของ ส.ว. นั้น ยังมีทิศทางเดียวกัน คือ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองบางฉบับ ส่อขัดรัฐธรรมนูญ และแก้ไขเนื้อหาที่เกินไปกว่ากรอบของรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่1) พ.ศ.2564 ที่ปรับเนื้อว่าด้วยระบบเลือกตั้ง
โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว. อภิปรายว่า ตนไม่สามารถรับหลักการร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองบางฉบับได้ เนื่องจากจะสร้างปัญหาในอนาคต ในสภาฯ และกฎหมายที่ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้การแก้ไขพ.ร.ป. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ต้องทำให้เสร็จภายใน 180 วัน
และการออกเสียงลงคะแนนเห็นชอบ มากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ของรัฐสภา หากส.ส. 500 คนเห็นอย่างไร ส.ว. 250 คนไม่สามารถทัดทานได้ แต่ส.ว.มีหน้าที่กลั่นกรอง หากพ.ร.ป.ทำไม่เสร็จภายใต้กรอบ 180 วัน ถือว่าสภาฯ ให้ความเห็นชอบตามที่เสนอในมาตรา 131 โดยร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่รัฐสภา รับหลักการแล้ว แม้ส.ว. 202 เสียงจะไม่รับหลักการ หากทำไม่เสร็จ ต้องกลับไปใช้ร่างที่เสนอ ดังนั้นอาจต้องถกเถียงว่า จะยึดเนื้อหฉบับใด จาก 1 ใน 4 ฉบับ และอาจนำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ อยากเห็นการแก้ไขไม่มีปัญหา และใช้สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ทราบมีเมื่อไร หรือจะมีหลังประชุมเอเปคตามที่คาดการณ์ ทั้งนี้ ผมอยากให้สภาอยู่ครบวาระ และใช้ในครั้งต่อไปจะเป็นประโยชน์ ดังนั้นต้องทำกฎหมายไม่ขัดรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น นอกจากนั้น ตามมาตรา 132 กำหนดให้รัฐสภา ส่งไปยังองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา พิจารณา หากในวาระดังกล่าวพบว่ามีบทบัญญัติใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ต้องส่งให้สภาฯ พิจารณาภายใน 30 วัน ดังนั้นประเด็นที่เป็นปัญหาจึงต้องทักท้วงด้วยความหวังดี และจะลงมติรับหลักการเฉพาะร่างที่ไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญในอนาคต
ส่วนการทำไพรมารี่โหวต ที่ ส.ส.อภิปรายว่ามีปัญหา หากไม่อยากได้ ต้องกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเสนอแก้ไขสามารถทำได้ในสมัยประชุมหน้า ทั้งนี้ ส.ว. ในฐานะคนกลั่นกรอง ไม่สามารถให้ร่างพ.ร.ป.ที่มีข้อสงสัยผ่านไปไม่ได้ อย่างน้อย 3 ร่างที่มีปัญหา คือ
ฉบับของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ
และฉบับของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ในส่วนของข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 28 มาตรา 29 ว่าด้วยการครอบงำพรรคการเมือง หากประชาชนใช้สิทธิเสนอแนะ ถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบงำจนขาดความเป็นอิสระ ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 45 กำหนดเป็นข้อห้ามไว้ รวมถึงประเด็นการตัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรค
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews