“พิธา” โหนวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน จี้รัฐปรับกระบวนการจัดสรรงบประมาณใหม่ ตัดโครงการที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นออก
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้ม เจริญรัตน์” ถึงวิกฤตประเทศยูเครนและประเทศรัสเซียจะทำให้ค่าครองชีพในไทยสูงขึ้นอีก โดยมีใจความว่า เป็นไปตามที่ได้อภิปรายซักถามนายกรัฐมนตรีในสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ถึงท่าทีของไทย
และมาตรการรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากการปะทุระหว่างรัสเซียและยูเครนรุนแรงมากขึ้นเมื่อมองสถานการณ์กลับมาที่ประเทศไทย ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับปากท้องของพี่น้องประชาชนในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ทั้งราคาค่าน้ำมันที่จะกระทบทุกภาคส่วน
สำหรับภาคปศุสัตว์ซึ่งต้องนำเข้าข้าวสาลีและกากถั่วเหลือง ที่ต้องนำเข้าปีละ 3 ล้านตัน พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์จะได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้นในตลาดโลกด้านเกษตรกรเพาะปลูกที่ต้องเจอราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนการตอบโต้จาก สหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่นเป็นการคว่ำบาตรทางการเงินต่อธนาคารและรัฐวิสาหกิจของรัสเซียและการคว่ำบาตรการส่งออกและนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และชิพคอมพิวเตอร์
ถึงแม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรในรอบนี้จะไม่ได้กระทบกับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่มีมูลค่าส่งออกไปรัสเซียที่มีมูลค่า 4 พันล้านบาทมากนักเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรในรอบนี้ยังไม่ใช่ Comprehensive Sanction ที่ครอบคลุมมาถึงประเทศคู่ค้าแต่หากสถานการณ์บานปลายออกไปและมีมาตรการคว่ำบาตรที่ครอบคลุมมากขึ้นออกมาก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยและรัสเซียที่มีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาทได้
ดังนั้น เข้าใจดีว่ารัฐบาลมีทรัพยากรที่จำกัด เพราะฉะนั้นการจะนำทรัพยากรที่จำกัดมาใช้รับมือกับวิกฤติที่รุนแรงมากขึ้น ต้องเริ่มตั้งแต่ปรับกระบวนทัศน์ใหม่
ในการจัดสรรงบประมาณ ตัดโครงการที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นออกไปทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยทรัพยากรที่กระเบียดกระเสียนอยู่แล้วมาใช้รับมือวิกฤติค่าครองชีพ
ของประชาชนให้ได้มากที่สุด และเร่งแสวงหาข้อตกลงความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเพิ่มเติมกับประเทศคู่ค้าต่างๆ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews