“ยุทธพงศ์” กล่าวถึงสาเหตุรัฐบาลจะยกเลิก UCEP เพราะเงินกู้เหลือเพียง 9 หมื่นล้านบาท ชี้การแพร่ระบาดมาจากรัฐบาลเปิดกระเทศ เพื่อไทยพร้อมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขออย่าเพิ่งยุบสภาหนี
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึง กรณีที่เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ คณะรัฐมนตรีได้นำเรื่องการรับรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต หรือ UCEP เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี สาเหตุมาจากเงินที่กู้มารอบสอง จำนวน 5 แสนล้านบาท ที่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 9 หมื่นล้าน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการจ่ายเงินให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชน ภายใต้กองทุน UCEP ไปแล้ว 1 แสนล้านบาท
ซึ่งเงินที่เหลืออยู่จำนวน 9 หมื่นล้านบาท ไม่เพียงพอต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ ที่มีผู้ติดเชื้อจากการตรวจRT-PCR และ ATK รวมกันกว่า 5 หมื่นคน และผู้ป่วยโควิดก็ให้รักษาที่บ้าน ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อเป็นวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ส่วนยาฟิวิพิราเวียร์ ชุดตรวจ ATK ก็ขนาดแคลน โรงพยาบาลสนามหลายแห่งปิดลง
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการแพร่ระบาด โควิด-19 ในระลอกที่ 5 มาจากที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศไทยโดยที่ไม่มีความพร้อม
โดยได้ยกตัวอย่างในประเทศญี่ปุ่นและฮ่องกง ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและธุรกิจในภูมิภาคเอเชียก็ยังไม่เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าไป เพราะยังไม่มีความพร้อม ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ผู้ติดเชื้อภายในประเทศอยู่ที่ 2 พันกว่ารายเท่านั้น แต่ในขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากดังนั้นเรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และ ขณะนี้ก็ไม่มีมาตรากรที่จะดูแลชีวิตพี่น้องประชาชน
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยมีความพร้อม หากเปิดสมัยประชุมสภาครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 22 พฤษภาคม จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 151 ในประเด็นการบริหารสถานการณ์โควิดที่ล้มเหลว ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลอ้างว่า สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ในขณะนี้ไม่รุนแรง ไม่มีปัญหา ซึ่งตรงข้ามกับ สถานการณ์ความเป็นจริง และขอรัฐบาลอย่าเพิ่งยุบสภาหนีไปก่อน
“ยุทธพงศ์” ชี้ รบ.ไทย โดนหลอก หลังซื้อเรือดำน้ำมา 1 ลำ แต่ไม่มีเครื่องยนต์ ซ้ำ ตัวแทนโครงการก่อสร้างโรงจอดเป็นครูสอนภาษา บอกเรื่องนี้”ประวิตร” ต้องรับผิดชอบ
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงกรณีเรือดำน้ำ ลำที่-1 ของกองทัพเรือ ไม่มีเครื่องยนต์ และสถานการณ์โควิด หนักที่สุดในรอบ 2 ปี เกิดขึ้นในยุคของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในสมัยนั้น มีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ โดยเรือดำน้ำจะต้องมีทั้งหมด 3 ลำ และมีกำหนดการส่งมอบในเรือดำน้ำลำแรก ปี2566 แต่พบปัญหา คือ ยังไม่มีเครื่องยนต์ เพราะจีนผลิตเครื่องยนต์ไม่ได้ จะต้องไปสั่งซื้อจากเยอรมัน แต่เยอรมันไม่ขายให้ ขณะที่บริษัทเอกชนจีน กำลังเจรจาที่จะขอเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นของจีนแทน
นอกจากนี้ ทางกองทัพเรือได้มีการเซ็นสัญญา กับบริษัทเอกชนดังกล่าว เพื่อให้ทำการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 44,222 ล้านบาท ส่วนตัวมองว่าสำหรับการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำบริษัทก่อสร้างของประเทศไทยก็สามารถทำได้ แต่ทำไมจะต้องจ้างบริษัทของประเทศจีนในการก่อสร้าง ซ้ำบุคคลที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนกลับเป็นครูสอนภาษาจีนในประเทศไทยทั้งหมด พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการที่มีมูลหลายหมื่นล้านบาท ทำไมเอาครูภาษามาดำเนินการโครงการนี้ได้ และยังเบิกเงินล่วงหน้าไปแล้ว 15% เมื่อเดือนเมษายน 64 แต่ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแปลว่าหลอกรัฐบาลไทยใช่หรือไม่ โดยหลังจากนี้จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารเรือ ว่าอย่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ของเยอรมันมาใช้เครื่องยนต์ของจีน โดยเด็ดขาด เพราะถ้าเครื่องเกิดมีปัญหา หรือเสียขึ้นมา อาจจะส่งผลกระทบร้ายแรง
นายยุทธพงศ์ ระบุด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นพล.อ.ประวิตร จะต้องออกมาชี้แจงและออกมารับผิดชอบโดยด่วน
สำหรับบริษัทเอกชนจีนดังกล่าว นั้น มีตัวแทนในประเทศไทย มีการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร เป็นผู้มารับมอบด้วยตนเอง ขณะเดียวกันยุง ได้บริจาคเงินให้กับพรรคพลังประชารัฐอีก 5 ล้านบาท โดยมาทราบภายหลังว่ามีความสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร อย่างมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews