ศบค.รับมีแนวโน้มปรับมาตรการโควิดเป็นโรคประจำถิ่น รอพิจารณารอบด้าน เพื่อประโยชน์สูงสุด ป้องกันโรค ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยมีแนวโน้ม จะมีการปรับมาตรการเป็นแบบโรคประจำถิ่น แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาให้รอบด้าน และที่สำคัญคือต้องมีการคำนึงถึงประชาชนที่จะเข้าถึงการรับบริการต่างๆและการกลับมาใช้ชีวิตเพื่อทำมาหากินแบบ New normal ให้ได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการป้องกันโรค และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน ทั้งนี้หากสถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลงก็จะต้องมีแผนในการรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ซึ่งขณะนี้สายด่วน 1330 หรือเบอร์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ได้มีสายติดต่อเข้ามาจำนวนมาก จึงได้มีการเพิ่มกำลังคนในการรับสายจากหลายหน่วยงานมาช่วยกัน ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีหลายหน่วยงานมาช่วย อาทิ ทหาร 300 กว่านาย จิตอาสา ภาคประชาสังคม นอกจากนี้มีการลงทะเบียนผ่านไลน์ และเว็บไซต์ นอกจากนี้ได้มีการหารือว่าจะมีการรวมศูนย์คอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานต่างๆมาช่วยเพิ่มเติมในการรับโทรศัพท์ แต่หากผู้ที่ตรวจ ATK เป็นบวกและ RT-PCR แล้วพบว่าติดเชื้อ หรือมีอาการรุนแรง หรือเป็นผู้ป่วยสีแดง ต้องรีบติดต่อ 1669 ได้เลย
โดยการคาดการณ์สถานการณ์ล่าสุดที่กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขสำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างแนวโน้มขาขึ้น จากการคาดการณ์ตัวเลขผู้ป่วยจากขึ้นไปสูงสุดในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้และจะค่อยๆลดลง จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนทั้งภาคส่วนของรัฐ-เอกชนและประชาสังคมยังคงต้องเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคลและมาตรการองค์กร โดยในการระบาดละลอกนี้คาดการณ์ว่าผู้ติดเชื้อจากค่อยๆลดลงต่ำสุดประมาณปลายเดือนพ.ค. นอกจากนี้การคาดการณ์ถ้ายังคงมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบันจนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบจะมีจำนวนมากที่สุดช่วงต้นเดือนพ.ค. หรือหลังสงกรานต์ประมาณ 2 สัปดาห์
ซึ่งอัตราการครองเตียงทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 58.1% โดยเตียงรองรับผู้ป่วยสีเขียวอยู่ที่ 66.4% ถ้าป่วยสีเหลืองหรือสีส้มอยู่ที่ 22.7 และ 14.1% และผู้ป่วยสีแดงอยู่ที่ 22.4% ทั้งนี้พบว่าจากข้อมูลผู้ที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลที่ได้มีการรายงานอยู่ที่ 223,414 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลและมีอาการน้อย อยู่ที่ 78,281 ราย คิดเป็น 98% จึงขอความร่วมมือไปทางจังหวัดและผู้ป่วยมีผลตรวจเป็นบวกแต่มีอาการน้อยให้เข้ารักษาด้วยระบบการรักษาแบบ Home Isolation และ Community Isolation เพื่อคำนวณเตียงให้กับผู้ป่วยสีเหลืองกับสีแดงให้เพิ่มมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews