“ชลน่าน” เมิน “ศรีสุวรรณ-สนธิญา” ร้องสอบจริธรรมส.ส.
“ชลน่าน” เมิน “ศรีสุวรรณ-สนธิญา” ร้องปปช.สอบจริยธรรม ส.ส.เพื่อไทยไปพบ “ทักษิณ” บอกเป็นสิทธิ์ ขอให้พิจารณาตามหลักข้อกฎหมาย เป็นเรื่องส่วนบุคคล
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นายศรีสุวรรณ จรรยา และอดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิญา สวัสดี เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)จี้สอบจริยธรรม ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังปรากฏภาพเข้าพบกับอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้ร้องที่จะยื่นตรวจสอบ ใจความมีการกล่าวอ้างว่าไปพบนักโทษหนีคดี
ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ก็พิจารณาตามหลักข้อกฎหมาย พร้อมย้ำว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และว่าด้วยพรรคการเมือง ว่ายืนยันในรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ระบุชัดเรื่องการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ว่า จะต้องนำคะแนนจากบัญชีรายชื่อทั้งหมดหารด้วย 100 และการคำนวณแต่ละพรรคการเมืองเป็นสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรง และเป็นไปตามค่าเฉลี่ย ส่วนคำว่าพึงมีที่ยังมีในรัฐธรรมนูญนั้นไม่เกี่ยวกับการคำนวณในครั้งนี้และทุกร่างมีวิธีการคำนวณแบบนี้อยู่แล้วจึงไม่มีการนำ 500 มาหาร และไม่เกี่ยวกับเรื่องเสียงตกน้ำ
ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ควรพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ให้เสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ และหากเป็นไปได้อยากให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาในวาระ 2 และ 3 เพราะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่ากฎหมายลูก 2 ฉบับ ควรพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะเป็นกฎกติกาหลักของประเทศ หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจะได้ไม่ต้องมาเป็นเงื่อนไขทำให้ประเทศเดินต่อไม่ได้
ส่วนกรณีที่ ส.ว. และพรรคไทยภักดี เสนอไม่ให้เอาผิดกับประชาชนที่รับเงินซื้อเสียงและกันเป็นพยานนั้น ตนมองว่า ก็เป็นสิทธิที่จะเสนอได้แต่ไม่เกี่ยวกับการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เพราะไม่มีในหลักการที่รับมา แต่ประเด็นเรื่องค่าสมาชิก อยู่ในหลักการ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ไม่ควรกำหนดไว้ในกฎหมายลูก ควรให้พรรคการเมืองเป็นผู้กำหนดว่าจะเก็บหรือไม่เก็บ หากเก็บต้องเก็บจำนวนเท่าไหร่
นอกจากนี้นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังได้กล่าวถึง ข้อเสนอที่ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตั้งกล้องหน้าหน่วยเลือกตั้ง ว่า เป็นมาตรการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้มีการใช้สิทธิอย่างยุติธรรม ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่ละเมิดหรือผิดหลักการเลือกตั้งทั้งตรงและลับ เพราะเคยมีประสบการณ์กรณีคนแอบถ่ายตอนลงคะแนนและซูมภาพตอนกาบัตรจนต้องถูกฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั่วประเทศมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องต้องระมัดระวัง
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่า จะต้องรอเปิดสมัยประชุมในเดือนพฤษภาคมนี้ก่อน เพราะต้องดูว่าหากมีกฎหมายสำคัญเข้าที่ประชุมต้องทำเรื่องนั้นก่อน ขณะที่สถานการณ์การเมืองขณะนี้แล้วแต่ว่าใครจะประเมินอย่างไร โดยอาจจะเกิดเหตุการณ์ก่อนพฤษภาคม หรือ รัฐบาลอาจจะอยู่จนครบวาระ แต่ฝ่ายค้านยืนยันจะทำหน้าที่จนถึงที่สุด และเห็นว่า หากรัฐบาลไม่มีความพร้อมและไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ก็ไม่ควรเป็นรัฐบาลต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews