Home
|
ข่าว

ศบค.ขยายพรก.ฉุกเฉิน2ด.ยังไม่เปิดสถานบันเทิง

Featured Image
ศบค.ขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกอีก 2 เดือน สิ้นสุด 31 พฤษภาคม พร้อมปรับขยายพื้นที่โซนสีเหลือง เป็น 47 จังหวัด ขณะที่การเปิดสถานบันเทิงศปก.ศบค.เห็นตรงกัน ยังไม่อนุมัติ

 

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. แถลงผลภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะจิตอาสาภาคประชาสังคม ทุ่มเทเสียสละทำงานอย่างเต็มที่ทำให้ผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ

 

โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในระดับนี้ ส่วนทำให้ประชาชนคนไทยเกิดการเรียนรู้และอยู่ร่วมกันกับโรคโควิด 19 พร้อมกับ ยังระบุอีกว่า การแพร่ระบาดนั้นส่งผลกระทบต่อประชาชน ถึงห่วงใยโดยเฉพาะเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลผลไม้ของไทย จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการบูรณาการร่วมกันเพื่อให้การส่งออกผลไม้ของไทยไปถึงประเทศผู้ซื้อได้โดยไม่ทำให้สถานการณ์ต่างๆมาเป็นผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

 

โดยในวันนี้ที่ประชุมได้มีการปรับพื้นที่สถานการณ์ และการปรับมาตรการป้องกันโรคแบบบูรณาการ โดยไม่มีพื้นที่สีแดงเข้มและพื้นที่สีแดง ส่วนพื้นที่สีส้ม จากเดิม 44 จังหวัด ปรับเป็น 20 จังหวัดสีเหลืองจากเดิม 25 จังหวัดปรับเป็น 47 จังหวัด โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน สีฟ้า จากเดิม 8 จังหวัดเป็น 10 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีการเพิ่มมาคือจังหวัดเพชรบุรีและเชียงใหม่ ส่วนพื้นที่สีฟ้าบางพื้นที่ยังคงเดิมเป็น 18 จังหวัด

 

โดยยังคงมาตรการ ปิดสถานบันเทิงผับ บาร์ และสถานประกอบการอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั่วประเทศ ซึ่ง ศปก.ศบค. พิจารณาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ว่ายังไม่เห็นชอบว่าจะให้เปิดบริการได้โดยขอให้สถานประกอบการปรับรูปแบบเป็นร้านอาหาร เพื่อให้สามารถเปิดบริการได้ผ่านระบบ Covid Free setting พร้อมกับย้ำว่ายังไม่อนุญาตให้ดื่มสุราในพื้นที่สีส้ม เว้นแต่มีพื้นที่สีฟ้าอยู่ภายในจังหวัด

 

ขณะที่แผนและมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด -19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอเรื่องนี้เป็นแผนอย่างเป็นทางการต่อที่ประชุมศบค.ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ในช่วงที่ยังต้องต่อสู้กัน โดยหากในช่วงมีนาคม เมษายน ช่วยกันควบคุมป้องกันได้เป็นอย่างดี ระยะที่ 2 เมษายนถึงพฤษภาคม ก็จะเป็นระยะที่ทรงตัวและค่อยๆลดลงตามการคาดการณ์ที่ปลายเดือนพฤษภาคม

 

จนกระทั่งถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งหากสถานการณ์เป็นไปตามการคาดการณ์ 1 กรกฎาคม ก็จะเห็นตัวเลขที่จะกดลดลงโดยแผนนี้เป็นเพียงแผนชี้นำที่จะให้คนทั้งประเทศช่วยกัน กดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้มีระดับต่ำลงให้ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็เห็นชอบในแผนดังกล่าว พร้อมกับย้ำว่าแผนก็คือแผนแต่ 1 ก.ค.สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ค่อยดูกันไป ถ้าหากมีการปรับเปลี่ยนไปจากนี้ ก็คงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนตาม และประชาชนทุกคนจะเป็นผู้กำหนดแผนการชี้วัดเอง

 

ขณะที่มาตรการ 4 ด้าน ประกอบด้วยด้านสาธารณสุข คือ การเร่งการฉีดวัคซีนกระตุ้นให้ได้มากกว่าร้อยละ 60 ปรับระบบการเฝ้าระวังเน้นการระบาดเป็นกลุ่มก้อนและผู้ป่วยปอดอักเสบผ่อนคลายมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ พร้อมทั้งปรับแนวทางแยกจากผู้ป่วยและกักกันผู้สัมผัส การเข้าถึงการดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพในอัตราการตายไม่เกินร้อยละ 0.1

 

ส่วนด้านการแพทย์จะมีการปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยนอกหรือ OPD รวมไปถึงดูแลผู้ป่วยที่เสี่ยงต่ออาการรุนแรงและมีอาการรุนแรงรวมทั้งภาวะ? Long covid ด้านกฎหมายและสังคมการบริหารจัดการด้านกฎหมายในทุกหน่วยงานให้สอดคล้องกับการปรับตัวเข้าสู่ Post pandemic ผ่อนคลายมาตรการทางสังคมการลดจำกัดการเดินทางและการรวมตัวกันของคนหมู่มากรวมไปถึงทุกภาคส่วนต้องส่งเสริมมาตรการ UP และ Covid resetting

 

ขณะที่ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ทุกภาคส่วนร่วมสร้างความรับรู้ความเข้าใจและพฤติกรรมให้ประชาชนสามารถ ดำเนินชีวิตร่วมกับ Covid-19 ได้อย่างปลอดภัย Living with Covid-19 รวมไปถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก อย่างครอบคลุม ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างความร่วมมือของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา

 

ส่วนการเดินทางเข้าประเทศ วันที่ 1 เม.ย.ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ทั้ง 3 กลุ่มทางบกทางอากาศและทางน้ำ โดยหักเข้าประเทศผ่านระบบ Test & go ให้ตรวจ RT-PCRในวันแรก และตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองผ่าน ATK ในวันที่ 5 และให้อยู่ในพื้นที่ลดเวลาเหลือ 5 วัน ส่วนคนที่ลักลอบเข้าเมือง ไม่ได้ Quarantine หรือไม่ได้รับวัคซีนให้กักตัวเหลือ 5 วัน และตรวจ RT-PCR ในวันที่ 4 และ 5 ส่วนผู้ที่ควบคุมยานพาหนะตรวจ ATK ในวันที่ 5

 

นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้เปิดด่านทางบก ในวันที่ 1 เม.ย. โดยเปิดด่านสตูล ท่าเรือในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปลืองหน่วยงานราชการในประเทศไทย ลูกเรือสัญชาติไทยบนเรือสินค้า สนามบินหาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้นการเปิดด่านทางบกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกับประชาชน ในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ก็จะใช้เดือนพฤษภาคมเป็นจุดหมายที่จะให้ทุกจังหวัดที่มีความพร้อมได้ดำเนินการไว้ เปิดพร้อมกันในทุกพื้นที่

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube