“ยุทธพงศ์” เตือนนายกฯเตรียมใจรับมือซักฟอก
“ยุทธพงศ์” ซัดรัฐบาลล้มเหลวแก้โควิด เงินกู้ที่เหลือไม่พอดูแลผู้ป่วย แถมผ่อนคลายมาตรการ เตือนนายกฯเตรียมใจเอาไว้รับมือซักฟอก
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลที่มียอดผู้ติดเชื้อจำนวนมากรายวันถึงวันละ 4-5 หมื่นราย และมีผู้เสียสูงขึ้นทุกวัน ว่า ขณะนี้งบประมาณที่จะใช้ในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่เหลือก็ไม่เพียงพอในการดูแลผู้ป่วยแล้ว ถึงต้องแยกสีผู้ป่วย ระดับสีเขียว ระดับเหลือง ระดับแดง ซึ่งหากเป็นผู้ป่วยสีเขียวต้องรักษาตัวที่บ้านแบบ Home isolation (IS) เจอ จ่าย จบ แต่ปัญหาคือมีการติดเชื้อในครอบครัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ต้องรักษาในบ้านร่วมกัน และไม่มีการแจก ฟาวิพิราเวียร์ โดยให้เพียงพาราเท่านั้น จึงขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. ออกมาชี้แจง และอย่าพูดว่าสายพันธุ์โอไมครอนไม่อันตราย เพราะมีการเสียชีวิต เพิ่มขึ้นทุกวัน ในส่วนของผู้ที่มีอาการหนักสีเหลือง สีแดง ก็หาสถานพยาบาลรองรับ ต้องรอคิว มีปัญหาคนไข้ล้นเตียง ซึ่งยอมรับว่า ยูเซ็ป พลัส รักษาได้ทุกโรงพยาบาลจริง แต่ไม่มีเตียง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าขณะนี้ระบบสาธารณสุข ของเราล่มสลายแล้ว เป็นไปตามมีตามเกิด แถมรัฐบาลอย่างประกาศผ่อนคลายมาตรการต่างๆอีก ยิ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น การแก้ปัญหาโควิดของรัฐล้มเหลว
นายยุทธพงษ์ ยังระบุด้วยว่า เมื่อเปิดสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรขอให้นายกรัฐมนตรีเตรียมตัวไว้ จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการบริหารโควิดล้มเหลว โดยงบประมาณเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ขณะนี้เหลือเพียง 74,000 ล้านบาทเท่านั้น หากงบประมาณนี้หมดแล้วก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะงบประมาณต่างๆ รัฐบาลได้ดึงมาใช้หมดแล้ว ซึ่งเมื่อนายกรัฐมนตรี ขยายเพดานเงินกู้จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 แล้วก็ขอให้กล้าที่จะกู้เงินไม่เช่นนั้นประชาชนอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะจะติดโควิดกันทั้งประเทศแล้ว ขณะเดียวกันยังไม่ได้ช่วยเหลืออะไร โดยขณะนี้แม้แต่โรงพยาบาลสนามก็ไม่มี ซึ่งปีที่แล้วยังมีโรงพยาบาลสนาม แต่ปีนี้ปล่อยไปตามมีตามเกิด วันนี้นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจกู้เงินเพิ่มแล้ว
แต่ปีนี้ปล่อยไปตามมีตามเกิด วันนี้นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจกู้เงินเพิ่มแล้ว และต้องให้สภาให้ความเห็นชอบในทันที เพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ที่น่าสังเกตก็คือนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่มั่นใจเสียงในสภา ว่าจะผ่านหรือไม่หากไปโหวตแพ้ในสภาเหมือนสภาล่มบ่อยๆ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก เพราะถือว่าเป็น พ.ร.ก.สำคัญ หากแพ้โหวต ที่ตอนนี้จะเห็นได้ว่านายกรัฐมนตรีเอาใจ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลอย่างยิ่ง ซึ่งมีการนัดรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก ก็เพราะไม่มั่นใจ เสถียรภาพของรัฐบาลขณะเดียวกัน อีกปัญหา คือ พรรคเศรษฐกิจไทย ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สังกัดอยู่ ไม่สังฆกรรมด้วย ซึ่งแตกต่างจาก สิ่งที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พูดว่าพรรคเศรษฐกิจไทยร่วมรัฐบาลสนับสนุนรัฐบาล แต่จากการฟัง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย บอกว่าไม่เคยกินข้าวเย็น ร้อยเอกธรรมนัสก็พูดชัดเจนมีเรื่องสำคัญมากกว่าการไปกินข้าว จึงเชื่อว่า การเปิดสภารอบนี้มีปัญหาแน่
ขณะเดียวกัน การประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรคกับตัวแทนพรรค ไปประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด เพื่อเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในการเปิดประชุมสมัยหน้า ครั้งที่1/2565 ในทันที โดยในวันที่ 23 พฤษภาคม หลังเปิดสมัยประชุมฯ พรรคเพื่อไทยพร้อมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีในเวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรี จะได้ไม่ยุบสภาหนี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews