“สนธิรัตน์” ห่วงต้นทุนพลังงาน จี้รัฐบาลออกมาตรการแบ่งเบาภาระประชาชน นอกเหนือจากชดเชยค่าน้ำมัน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะแกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงวิกฤตพลังงานในปัจจุบันว่า เป็นวิกฤตที่ใหญ่และไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องต้นทุนพลังงานมากที่สุด เนื่องจากจะมีผลกระทบโดยตรงกับค่าครองชีพ และต้นทุนการทำธุรกิจ อยากให้รัฐบาลออกมาตรการที่ช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนได้ทันที นอกเหนือจากการชดเชยค่าน้ำมัน ค่าแก๊สเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ได้เสนอขั้นตอนการลดต้นทุนพลังงาน โดยให้นำเข้าน้ำมันดิบเข้ามากลั่นในโรงกลั่นในประเทศไทย เพราะเชื่อว่ากำลังการผลิตของไทยเพียงพอ และกำลังขยายตัว พร้อมฝากไปถึงรัฐบาลว่า ต้องคิดให้ง่ายในช่วงเวลาสั้นๆ ว่าทำอย่างไรก็ได้ ให้ต้นทุนน้ำมันสะท้อนต้นทุนจริง ไม่จำเป็นต้องอิงกับราคาของสิงคโปร์และบวกรวมค่าขนส่ง พร้อมย้ำว่า อะไรก็ตามที่กระทบต้นทุนตรงต้องดูว่ามีต้นทุนแฝงอยู่ในนั้นหรือไม่ และจะลดต้นทุนแฝงนั้นได้อย่างไร เพื่อให้ราคาน้ำมันถูกลง
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตในการนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อจะได้ลดเงินชดเชยตามไปด้วย โดยปัจจุบัน รัฐบาลกำลังจัดกลุ่มน้ำมันให้อยู่ในภาษีฟุ่มเฟือย เพราะต้องการให้ประชาชนลดการใช้น้ำมัน ดังนั้นแนวทางแก้ไข ตนจะเสนอนโยบายภาษีคาร์บอน โดยเฉพาะเรื่อง “คาร์บอนเครดิต” ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ เช่น การนำเข้าสินค้าเข้าสู่ประเทศแถบยุโรป หากนำเข้าสินค้าที่ใช้พลังงานคาร์บอนมากเท่าไหร่ ก็จะถูกเรียกเก็บภาษีมากเท่านั้น
ตนเล็งเห็นว่าควรจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตให้เป็นภาษีคาร์บอนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด หากประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนที่ดี จะทำให้ไทยมีคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะทำให้การส่งออกสินค้าไปสู่ประเทศในแถบยุโรปง่ายยิ่งขึ้นด้วย ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้กับประเทศไทย
นอกจากนั้นยังกล่าวถึงความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น ว่า เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นบัตร2ใบและคาดว่ากฎหมายลูกก็น่าจะแล้วเสร็จทัน ดังนั้นเป้าหมายของการเลือกตั้ง ทุกพรรคที่เตรียมการเลือกตั้งทั้ง 400 เขต พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นพรรคใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้น ในแง่ของความพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งได้ดำเนินการไปแล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่เป้าหมาย
ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญและการแข่งขันค่อนข้างมาก พรรคใช้เวลามากในการเตรียมว่าที่ผู้สมัครของพรรคที่จะลงสู่สนามการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นพยายามจะเน้นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่การเมือง ความตั้งใจอยากให้การเมืองมีตัวเลือกใหม่มากขึ้นให้กับประชาชน ไม่ติดเดตล็อค ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง และไม่มีคนใหม่ๆ การเมืองก็จะอยู่ในโครงสร้างเดิมๆ พร้อมยกตัวอย่างพื้นที่ กทม.ได้มีการเตรียมความพร้อมแล้วเกินครึ่ง เป้าหมายของพรรคจะส่งให้ครบ400 เขต เนื่องจากต้องเก็บคะแนนในส่วนของบัญชีรายชื่อด้วย
พร้อมเผยว่าเตรียมเปิดโครงสร้างของพรรคหลังการประชุมใหญ่ต้นเดือนเมษายน ที่จะสามารถเปิดให้เห็นตำแหน่งต่างๆ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตอนนี้ยังมีเวลา เพราะพรรคให้ความสำคัญกับคุณสมบัติแคนดิเดตมากกว่าตัวบุคคล
โดยต้องมีความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับประเทศได้ มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหา และจะต้องมีประวัติการทำงานที่พิสูจน์ได้สะอาดและโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะคนเก่งหาได้ แต่ต้องเป็นคนดีด้วย สุดท้ายปัญหาของประเทศต้องมองรอบด้านในเรื่องของการแข่งขัน และต้องเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ
อีกทั้งยังกล่าวถึงการเปิดตัว นางสาวแพทองธารชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง)บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและมีการวางนโยบายเพื่อไทยแลนสไลด์ ว่า พรรคเพื่อไทยก็มียุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรค ซึ่งทุกพรรคพยายามจะหาจุดขายของตัวเอง เมื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง แต่ละพรรคก็ต้องสร้างจุดขาย และสร้างความเข้มแข็งไม่เหมือนกัน แต่ละพรรคมีจุดแข็งจุดอ่อนที่แตกต่างกันไป แต่ละพรรคก็ต้องสร้างจุดขายเพื่อให้ได้ส.ส.มากที่สุด
ในส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย มีเป้าหมายต้องการที่เข้ามาเป็นตัวเลือก และเป็นทางออกในการแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ได้ต้องการสร้างความแตกแยกในสังคม ไม่เพิ่มความแตกแยก จะไม่สร้างปัญหา แต่ตั้งใจสร้างความสมานฉันท์ในสังคม และพรรคพร้อมในเรื่องของทีมเศรษฐกิจที่พรรคประเมินแล้วว่า ปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้เป็นเรื่องใหญ่มากๆ และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งนี้พรรคพร้อมที่จะทยอยเปิดตัวบุคลากรทางเศรษฐกิจของพรรค เป็นคนสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศเน้นมืออาชีพ ไม่มีประวัติด่างพร้อย
สำหรับกระแสนายทักษิณ และอุ๊งอิ๊งฟีเวอร์นั้น ตนไม่รู้สึกกังวลใจ แต่ทำตัวเองให้พร้อมให้ประชาชนเชื่อมั่นมากที่สุด พรรคต้องสร้างตัวเองให้พร้อมสู่ชัยชนะเช่นกัน
ขณะที่ไทม์ไลน์ที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประเมินว่าอาจจะยุบสภาหลังการประชุมเอเปคเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้น ตนเห็นว่า อำนาจขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แม้สถานการณ์แบบนี้หลายฝ่ายจะไม่แน่ใจ แต่ก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็จะพาประเทศให้พ้นการประชุมเอเปค ไม่คาดหวังว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่ แต่เตรียมความพร้อมไว้ทุกสถานการณ์
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ยังได้กล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยขอให้เข้มแข็ง ประสบความสำเร็จ นำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยเพราะได้แบกภาระของประเทศไว้ในฐานะนายกรัฐมนตรี และขอให้มีสุขภาพ กายใจที่ดี มีสิ่งดีๆ มาสนับสนุนให้นำพาประเทศฝ่าวิกฤตไปได้
ส่วนจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับพลเอกประยุทธ์อีกหรือไม่นั้น วันนี้คงตอบไม่ได้ ต้องดูการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกว่าทำไมพูดไม่ชัด แต่เราต้องดูที่ประชาชน โดยผลการเลือกตั้งจะบอกว่าเราตัดสินใจอย่างไร การเมืองต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน เพราะไม่มีใครรู้ผลการเลือกตั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews