“สกลธี”ลงพื้นที่หลักสี่ มีว่าที่ผู้สมัคร สก.พลังประชารัฐร่วมด้วย ยันไม่มีนัยทางการเมือง ย้ำใครมีทิศทางเดียวกันก็ร่วมกันได้
นายสกลธี ภัททิยกุล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่หลักสี่ พบปะสมาคมเมืองทองนิเวศน์ 1 เพื่อรับฟังปัญหาและการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ถนนภายในหมู่บ้านเอกชน โดยนายสกลธี ระบุว่า เป็นการลงพื้นที่เขตหลักสี่ เพราะตนเป็น สส. สมัยแรกที่เขตนี้ และวันนี้ มาเพื่อรับฟังปัญหาหมู่บ้านเอกชนในย่านนี้
ดังนั้น การเป็นผู้ว่าฯ ที่ดีได้ต้องรู้จักการบริหารทรัพยากรพื้นฐาน ซึ่งปัญหาหลัก คือ การดูแลสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ผ่านมา กทม. ไม่เคยเข้ามาดูแล ติดปัญหาว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ และไม่ได้รับงานจัดสรรเงินลงมาดูแลมาหลายสิบปี ดังนั้น ทุกหมู่บ้านต้องได้รับการดูแลที่เท่าเทียมกัน ส่วนการขนส่งสาธารณะ ก็จะมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ มีคนอาศัยย้านนี้จำนวนมาก แต่ไม่มีรถโดยสารไปขนส่งสาธารณะ ดังนั้นการแก้จราจรให้ติดน้อยลง ลดมลพิษ ต้องใช้ระบบขนส่งสายรอง โดยใช้ระบบขนส่งรถบัสอีวี ซึ่งในหลายชุมชนของกรุงเทพที่มีคนอยู่จำนวนมากก็จะทำลักษณะนี้ ขณะปัญหาขยะ ทำไมคนกรุงเทพฯ ต้องเก็บขยะเอง ในเมื่อกฎหมายสามารถนำภาคเอกชนมาทำได้
ขณะเดียวกัน วันนี้ นายรังสรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร สก. พรรคพลังประชาคัฐ มาร่วมด้วย ยืนยันไม่มีนัยทางการเมือง แต่มีความคุ้นเคย รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2550 เมื่อวันนี้ที่ตัดสินใจลงสมัคร สก. ก็ถือเป็นการสนับสนุนกัน ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นฐานสนับสนุนตน นายสกลธี ยืนยันว่า ใครที่มีทิศทางเดียวกันก็ร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ขอให้ร่วมกันแก้ปัญหาชาว กทม. ก็พร้อมเปิดรับทุกคน ทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ไม่กังวล ว่าที่ผู้สมัคร สก. พรรคพลังประชาคัฐ มาร่วมด้วย เพราะตนเองเป็นคนชัดเจน หากจะลงในนามพรรคก็จะลงตั้งแต่แรก แต่ตนเลือกลงในนามอิสระ และลาออกจากพรรคการเมือง จึงมีจุดยืนชัดเจน โดยขออาสาตั้งใจเข้ามาทำงาน
ส่วนเมื่อวานนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่า กทม. เปิดนโยบาย และมีกระแสการสนับสนุนจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นฐานเสียงเดียวกันหรือไม่ นายสกลธี มองว่า เป็นการแข่งขัน เพราะที่ผ่านมา กทม. อาจจะคุ้นชินกับการแข่งขันของผู้สมัคร 2-3 คน แต่ครั้งนี้มีเยอะ คุณสมบัติดี มีคุณภาพ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี ส่วนเรื่องทับซ้อนและตัดคะแนนกันเป็นเรื่องธรรมดา ความชอบพื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 มีนาคม นี้ จะเดินทางไปตั้งแต่ 08.00 น. เพื่อลงสมัคร สำหรับวัยรุ่นที่จะเข้ามาใช้สิทธิ์ครั้งแรก ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมัดใจได้อย่างไร
นายสกลธี ระบุว่า คนที่อายุ 40 ปี ก็เป็นแฟนคลับ ส่วนเด็กที่เลือกตั้งครั้งแรกมองว่า ยังเปิดกว้างรับอยู่ แต่จุดหลักจะอยู่ที่นโยบาย การทำงาน โดยเชื่อว่าวัยรุ่น
ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 7-8 แสนคน จะมีนัยสำคัญ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews