นายกฯ เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมบริจาคช่วยเหลือ เน้นย้ำให้ดูแลผู้เสียสละอย่างดีที่สุด พร้อมให้กำลังใจทุกฝ่าย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากเงินบริจาคบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)” โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดตั้งบัญชีเงินบริจาค “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)” มีขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเป็นความร่วมมือของรัฐบาล ภาครัฐ เอกชน และประชาชน
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกจากการช่วยเหลือตามระบบราชการของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และครอบครัวที่เสียสละตนเองทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติอย่างเต็มที่ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่เสียสละร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ขอให้มีการบริหารจัดการเงินดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน เน้นย้ำการดูแลเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละอย่างดีที่สุด พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ร่วมกันดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้มีความตั้งใจ ตั้งมั่นในการทำความดี รักษาคุณงามความดีที่ได้กระทำด้วยความเสียสละ อย่าท้อแท้ และมีกำลังกายกำลังใจที่ดีในการใช้ชีวิตต่อไปด้วยความปลอดภัย
ซึ่งในขณะนี้นับเป็นโอกาสที่ดี ที่ต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทย หลังจากผ่อนคลายมาตรการแล้วบางส่วน มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นซึ่งนับเป็นสิ่งที่ดี ขอให้ทุกคนยังคงปฏิบัติตนตามข้อกำหนด เพื่อความปลอดภัยและการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี มอบเงินช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ โดยมีผู้แทนรับมอบตามลำดับ ดังนี้
1. กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 49 ราย เป็นเงิน 1,470,000 บาท นายแพทย์ สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับมอบ
2. กรมราชทัณฑ์ จำนวน 20 ราย เป็นเงิน 600,000 บาท นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้แทนรับมอบ
3. กรมการแพทย์ทหารบก จำนวน 52 ราย เป็นเงิน 1,560,000 บาท พลโท สุพัษชัย เมฆะสุวรรณดิษฐ์ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก เป็นผู้แทนรับมอบ
4. กรมแพทย์ทหารเรือ จำนวน 1 ราย เป็นเงิน 30,000 บาท พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้แทนรับมอบ
5. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 18 ราย เป็นเงิน 560,000 บาท พล.ต.ท. โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ เป็นผู้แทนรับมอบ
สำหรับบัญชีเงินบริจาค “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) มียอดเงินบริจาครวมทั้งสิ้น 53,346,339.13 บาท และที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาคฯ ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ ไปแล้ว 7 ครั้ง จำนวน 160 ราย เป็นเงิน 6,025,000 บาท แบ่งเป็น
- บุคลากรทางการแพทย์ 98 ราย
- เจ้าหน้าที่สนับสนุนฯ จำนวน 62 ราย
- จัดหาถุงยังชีพช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง 6,796,000 บาท
- ส่งมอบเงินสมทบโครงการเกี่ยวกับวัคซีน 20,100,000 บาท
และในวันนี้ คณะกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาคฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ เพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 8 จำนวน 140 ราย เป็นเงิน 4,220,000 บาท รวมเป็นเงิน 37,141,000 มียอดบริจาคคงเหลือ ณ วันที่ 7 เมษายน 2565 รวม 16,205,339.13 บาท
นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรียังกล่าวภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมหารือหลายวาระ ซึ่งวันนี้มีการรับทราบการแพร่ระบาด โควิด-19 ซึ่งหลายคนตกใจตัวเลขการติดเชื้อรายวัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อและผู้มีอาการหนัก ถือว่าเปอร์เซ็นต์ยังน้อยอยู่ ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวหรือกลุ่ม 608 รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งเร่งรัดและระดมฉีดวัคซีน พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมอบนโยบายดำเนินการให้ชุดตรวจ ATK เข้าถึงประชาชนรวมถึงกลุ่มนักเรียนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น และมีราคาถูกลง เนื่องจากมีการใช้ชุดตรวจจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมีการผลิตในประเทศไทยกว่า 200,000 ชุดต่อวัน แต่ต้องเร่งผลิตให้มากขึ้น ส่วนการนำเข้าต้องได้มาตรฐาน
ส่วนการดำเนินการเปิดรับนักท่องเที่ยว ได้มีการดำเนินการมาตามลำดับตั้งแต่การเปิดพื้นที่ Sanbox และให้เตรียมการในเดือนพฤษภาคมว่าจะปลดล็อคอะไรได้บ้าง เพื่อให้เกิดผลดีต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยเพราะจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งต้องดูให้ครบวงจร ตั้งแต่สนามบิน ซึ่งจะต้องดำเนินการควบคู่กันไปทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการควบคุมโรค พร้อมย้ำเข้าใจความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ
ส่วนการเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายกรัฐมนตรีขอให้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัย ตามประเพณีไทย ส่วนอะไรที่ไม่ควรทำ ศบค.จะชี้แจงต่อไป ทั้งนี้ย้ำว่าไม่ได้ห้ามจัดงานสงกรานต์แต่ต้องดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเดินทางในช่วงสงกรานต์ เพราะทุกปีเมื่อมีวันหยุดยาวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงขอให้รักตนเองรักครอบครัวรักคนอื่นเคารพกฏจราจร ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้สาดน้ำด้วยความระมัดระวังอย่าสาดน้ำกันโครมครามเพราะจะเกิดอันตรายได้ ซึ่งตนขอร้องอย่าให้ต้องบังคับกันทุกเรื่อง
ขณะที่แผนการฉีดวัคซีน โควิด-19 จะเร่งรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 เปอร์เซ็นต์ซึ่งตัวเลขการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งน้อยมากจากตัวเลขการฉีดวัคซีนกว่า 130 ล้านโดส
ส่วนมาตรการปรับลดแรงงานต่างด้าว มีกติกาทั้งหมด ไม่ว่าจะก่อนเข้ามาหรือเข้ามาในประเทศไทยแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews