“วิโรจน์” หาเสียงตลาดริมบึงเมืองทอง ชูนโยบาย พร้อมรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่
บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล หมายเลข 1 พร้อมด้วยนางสาวสลิศา ไตรรัตนจรัสพร ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) พรรคก้าวไกล และนายกรุณพลเทียนสุวรรณ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดริมบึงเมืองทอง เพื่อบอกเล่านโยบายและรับฟังปัญหาในพื้นที่ โดยมีประชาชนพ่อค้าแม่ค้าให้ความสนใจ พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นและขอถ่ายรูปตลอดเส้นทาง
โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่าการหาเสียงในวันนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนในพื้นที่ และรู้สึกดีที่ได้เห็นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่คนอีกส่วนหนึ่งเดินกลับภูมิลำเนา สำหรับเขตหลักสี่เคยเป็นจุดที่นายกรุณพลเคยลงพื้นที่มาก่อนจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งล่าสุด ก็ได้รับเสียงสะท้อนจากชาวบ้านถึงความเป็นธรรมในการจัดเก็บขยะ ที่อยากให้มีการจัดเก็บให้ถี่ขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการงบประมาณค่าจัดการขยะของ กทม. ที่ใช้ประมาณ 7,000 ล้านบาท แต่มีการจัดเก็บค่าขยะได้แค่ 500 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องบริหารจัดการให้ราคาการจัดเก็บขยะเป็นธรรมมากขึ้นเพื่อนำงบประมาณมาปรับปรุง จุดจัดเก็บขยะให้มีประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกับกรณีมีเสียงสะท้อนจากประชาชนเรื่องความล่าช้าของรถเก็บขยะหรือการที่ประชาชนต้องออกค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บขยะเอง เมื่อดูที่หลังห้างสรรพสินค้าจะเห็นว่ารถขยะให้บริการดีกว่าการให้บริการกับประชาชน นี่ถือเป็นความเหลื่อมล้ำ ที่ประชาชนบางส่วนอาจยังไม่รู้ แต่ตนมองว่าการจัดการขยะ ต้องจัดการในภาพรวม การนำงบประมาณของกรุงเทพมหานครที่มาจากภาษีประชาชนไปดูแลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือนายทุนดีเกินไปจะต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้
นอกจากนี้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล หมายเลข 1 ยังได้กล่าวถึงการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ในช่วงที่คนต่างจังหวัดเดินทางกลับจนเหลือแต่คนกรุงเทพฯ ว่า ตนมีโอกาสได้ไปพบกับกลุ่มคนที่อาจจะมีข้อจำกัด เช่น กลุ่มคนไร้บ้านที่ถนนราชดำเนิน กลุ่มคนขับแท็กซี่ หรือกลุ่มคนทำงานรับจ้าง เพื่อพูดคุยรับรู้รับหา ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันและให้กำลังใจให้คนกลุ่มนี้ผ่านสถานการณ์ต่างๆไปได้
พร้อมกันนี้ นายวิโรจน์ กล่าวถึงเสียงตอบรับนโยบายหาเสียง 12 ข้อของพรรคก้าวไกลว่า เรื่องที่ประชาชนสนใจเป็นพิเศษคือการกระจายงบประมาณ เพื่อจะนำไปแก้ปัญหาต่างๆ เรื่องการนำภาษีที่ได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปเป็นสวัสดิการให้ผู้สูงอายุ รวมทั้งปัญหาคลาสสิคของกรุงเทพฯเรื่องรถเมล์ ขยะ น้ำท่วม
ส่วนจะตอบสนองนโยบายให้ประชาชนได้อย่างไรนั้น ตนมองว่าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องสวัสดิการมักจะมีการตั้งคำถามว่าจะมีเงินพอหรือไม่แต่ต้องตั้งคำถามกลับไปว่าตอนนี้กรุงเทพฯมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บรายได้ เช่น ค่าขยะ รวมทั้งภาษีที่ดินที่นายทุนใช้วิธีการเลี่ยงภาษี ซึ่งหากจัดเก็บภาษีเหล่านี้อย่างเป็นธรรม จะทำให้มีงบประมาณเพียงพอ พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาเราอยู่กับกับมายาคติว่ามีเงินไม่มากพอที่จะจัดสวัสดิการต้องรอเศรษฐกิจดีก่อนถึงจะทำได้
แต่หากการจัดเก็บรายได้ไม่เป็นธรรม ต่อให้เศรษฐกิจดี ก็จะถูกมองว่าเศรษฐกิจไม่ ดังนั้นต้องจัดเก็บรายได้ให้เป็นธรรมแล้วนำมาจัดสวัสดิการประชาชนจะได้มีแรงไม่พะว้าพะวงไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะล้มแล้วจะได้กล้าบุกเบิกสร้างเศรษฐกิจ แล้วเศรษฐกิจจะดีอย่างเป็นธรรม สวัสดิการต้องมาคู่กับเศรษฐกิจไม่ใช่รอให้เศรษฐกิจดีก่อนแล้วค่อยจัดสวัสดิการที่ดีให้ประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
