ครม.เห็นชอบท่าทีไทยในการประชุม JTC ไทย – เวียดนาม ที่กรุงเทพฯ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าทะลุ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบท่าทีไทยในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 4 โดยไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระหว่างวันที่ 19-20 เม.ย.65 ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อให้คณะผู้แทนไทยใช้ท่าทีเป็นกรอบในการหารือกับฝ่ายเวียดนาม
ซึ่งการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – เวียดนาม เป็นเวทีการประชุมหารือระดับรัฐมนตรีการค้าเพื่อกำหนดทิศทางการปฏิสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย – เวียดนาม รวมถึงการดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน สำหรับการประชุม JTC ไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 4 นี้ ไทยมีท่าทีในประเด็นสำคัญ อาทิ
การเพิ่มเป้าหมายการค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันให้บรรลุ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี68 ซึ่งเป็นประเด็นที่เวียดนามให้ความสำคัญ เนื่องจากเวียดนามต้องการให้ไทยช่วยลดการขาดดุลทางการค้าของเวียดนามลง
การอำนวยความสะดวกและขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน อาทิ มาตรการนำเข้าสินค้ายาของเวียดนามที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทย เช่น ยาที่จะนำเข้าต้องแสดงเอกสารรายละเอียดส่วนประกอบยาที่มากเกินความจำเป็น, การอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าบริเวณด่านชายแดนไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ เนื่องจากการส่งสินค้าผลไม้ไปจีนมักพบปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณด่านชายแดนเวียดนาม – จีน
การอำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตร รวมถึงการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพร่วมกัน, การเสริมสร้างความร่วมมือในมาตรการเยียวยาทางการค้าบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน, จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างไทยและเวียดนามทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์, พัฒนาความเชื่อมโยงของการขนส่งระหว่างสองประเทศและภายในอนุภูมิภาค ทั้งทางบกและทางทะเล
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นความร่วมมือด้านอื่นๆ ที่จะผลักดัน อาทิ ส่งเสริมการลงทุนในสาขาที่มีศักยภาพและเป็นประโยชน์ร่วมกัน , ส่งเสริมความร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน และการบูรณาการทางการเงิน, ขยายความร่วมมือด้านพลังงาน โดยเฉพาะโอกาสการลงทุนของไทยในด้านพลังงานสะอาดในเวียดนาม, ขยายความร่วมมือด้านแรงงานและติดตามความคืบหน้าการทำบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
ทั้งนี้นางสาวรัชดา ระบุว่า ปัจจุบันเวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 5 ของไทยในโลก และเป็นอันดับที่ 2 ของไทยในอาเซียน รองจากมาเลเซีย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.60-64) การค้าระหว่างไทยกับเวียดนามมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 17,767 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.32 ต่อปี โดยในปี 2564 มีมูลค่าการค้าไทย – เวียดนามรวม 19,477 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 17.31 ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามูลค่า 5,599 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนั้นครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดทุนทรัพย์การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่น พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการแก้กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 โดยเพิ่มจำนวนทุนทรัพย์ของการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่น ที่ไม่ใช่ข้อพิพาททางแพ่งเกี่ยวกับที่ดินและมรดก
จากเดิมที่กำหนดทุนทรัพย์ไว้ไม่เกิน 2 แสนบาท เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมามีประชาชนที่เกิดข้อพิพาททางแพ่งอื่นมีทุนทรัพย์มากกว่า 200,000 บาท ยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องแก้กฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่นมีความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ทั้งยังมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง คือ นายสมชาย มรกตศรีวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และนางต้องใจ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews