“สกลธี” หาเสียงบางพลัด ขอคะแนนเสียง ย้ำโค้งสุดท้ายจะลงพื้นที่อย่างหนัก พร้อมกับทำคลิปวีดีโอสั้นเผยแพร่ทุกแพลตฟอร์ม เตรียมเปิดปราศรัยใหญ่ 13 พค.
นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 ลงพื้นที่หาเสียงเขตบางพลัด บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 และซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 ซึ่งเป็นย่านค้าขาย และที่อยู่อาศัยของประชาชน พบปะกับพ่อค้าแม่ค้า ร้านขายข้าวแกง ซึ่งบางคนเป็นแฟนคลับ ขอคะแนนเสียงเลือกหมายเลข 3 เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ และทำทันที
โดยนายสกลธี กล่าวว่า การลงพื้นที่หาเสียงเขตบางพลัด ประชาชนยังคงสะท้อนปัญหาพื้นที่ค้าขาย เหมือนตลาดเช้าทั่ว กทม. ซึ่งตนเองมีนโยบายนำเอาพื้นที่ว่างเปล่า และพื้นที่หน่วยงานภาครัฐ นำพื้นที่มาปรับให้ประชาชนได้ค้าขาย ส่วนบางพื้นที่สาธารณะที่มีพื้นที่กว้าง ก็เตรียมที่จะไปเจรจาให้เกิดการค้าขายในบางช่วงเวลา ในระยะเวลาไม่นาน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี
ขณะเดียวกัน มีนโยบายสำหรับเขตบางพลัด มีมีชุมชนติดแม่น้ำเจ้าพระยา สถานีดับเพลิงทางน้ำก็สำคัญ เพราะเวลาเกิดเหตุไฟไหม้ รถดับเพลิงขนาดใหญ่เข้าไม่ถึง จึงต้องมีการดับเพลิงทางเรือเสริมเข้ามา เนื่องจาก ทาง กทม.มีเรืออยู่แล้ว
ส่วนช่วงโค้งสุดท้ายหาเสียง จะลงพื้นที่อย่างหนัก และจะมีการทำคลิปวีดีโอสั้นๆ ที่เป็นนโยบาย ลงไปตามแพลตฟอร์มต่าง และเตรียมที่จะเปิดเวทีปราศัยใหญ่ ในวันที่ 13 พ.ค. ที่ลานคนเมือง และวันที่ 20 พ.ค.ที่วงเวียนใหญ่ พร้อมการเปิดตัวทีมงานทั้งหมดในที่จะเข้ามาบริหาร กทม. ขณะในวันพรุ่งนี้ จะมีการเปิดตัวทีมงานด้านเทคโนโลยี ทางเพจสกลธี โดยเป็นบุคคลรุ่นใหม่ และหลายคนรู้จัก ให้สอดคล้องกับยโยบายของตนเอง
ที่ กทม. จะต้องเป็นเมืองดิจิทัลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสัญญาณไฟด้วยระบบ AI เสาสมาร์ทโฟน มีไวไฟ จุดวัดค่าฝุ่น PM 2.5 และแอพพริเคชั่นรวมบริการต่างในจุดเดียว ขณะเดียวกันจะทยอยเปิดตัวทีมงานอีก นับ 10 คนอีกด้วย สำหรับเรื่องโพลล์ ยังคงเชื่อมั่นในการ ลงพื้นที่และรับฟังไว้เป็นข้อมูล เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กระแสการเมือง ระดับชาติ มีผลกระทบต่อการเมืองระดับท้องถิ่นอย่างแน่นอน แต่โดยส่วนตัวไม่ได้มีความกังวล ยังคงเดินหน้าหาเสียง อย่างต่อเนื่องต่อไป ขณะที่เรื่องอดีตของตน ก็ไม่เคยรู้สึกกังวล และเคยพูดในหลายโอกาสแล้วว่า ไม่เคยปิดบังอดีตของตัวเอง รู้สึกภูมิใจในอุดมการณ์และสิ่งที่ทำเสมอ ล่าสุดมีการนำอดีตของตนมาขยายผล ซึ่งอาจมีความมุ่งหวังให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกลียดชัง ขณะนี้ก็ได้ดำเนินคดีไปแล้ว แต่สำหรับการแซวหรือแซะในโซเชียลก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะสามารถรับได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ มองว่า ไม่ว่าการเมืองระดับไหน สถานการณ์การเมืองของระดับชาติ ย่อมมีผลทั้งสิ้น แต่อยากสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า ใน การทำงานการเมืองท้องถิ่นเป็นการที่จะคัดเลือกตัวแทนเข้าไปทำงานอย่างแท้จริง จึงอยากให้ดูที่การทำงาน ผลงาน และนโยบายของผู้สมัคร มากกว่าการใช้อารมณ์ในการเลือกตั้ง เพราะถ้าเลือกมาด้วยอารมณ์ทางการเมือง อาจจะได้ ความสะใจ แต่ 4 ปี ก็เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจะแก้ไขอะไรไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews