รัฐบาลย้ำยังไทยมีเสน่ห์ เป็นจุดหมายการลงทุนเอกชนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ยืนยันแล้วจะขยายการลงทุนในไทยต่อไป นายกฯหนุนเต็มที่
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีเป้าหมายไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่จะส่งเสริมให้ไทยไปสู่เป้าหมายดังกล่าวให้ได้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ซึ่งภายหลังจากที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางเยือนกรุงโตเกียวและจังหวัดคานากาวะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 19 – 23 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา และได้มีโอกาสหารือร่วมกับภาคเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยา ทั้งรายใหม่และรายที่มีการลงทุนในประเทศไทยแล้ว เพื่อชักจูงให้เกิดการลงทุนหรือขยายการลงทุนในประเทศไทยในผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจากการหารือพบว่าหลายบริษัทของภาคเอกชนญี่ปุ่นมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยมีเสน่ห์ต่อการเป็นจุดหมายการลงทุนของเอกชนญี่ปุ่น เช่น การหารือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ซึ่งนายซาซากิ โนบุฮิโกะ ประธาน CEO องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้ขอบคุณประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนนักลงทุนจากญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยในการเลือกเป็นที่ตั้งของห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่สามารถเชื่อมโยงทั้งภูมิภาคได้
การหารือกับสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) โดย Keidanren ได้แจ้งว่ากลุ่มเศรษฐกิจและการค้าไทย-ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Trade and Economic Committee)ภายใต้ Keidanren ซึ่งมีสมาชิก 70 บริษัท มีแผนที่จะเยือนไทยในปีนี้ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้ตอบรับว่าจะเตรียมการต้อนรับคณะอย่างดีที่สุด และพร้อมให้ข้อมูลของประเทศไทยอย่างเต็มที่
การหารือกับภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 5 บริษัท โดยรองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายในการรักษาฐานการผลิตยานยนต์ที่เข้มแข็งและมีศักยภาพ มีการออกมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร รวมทั้งระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งรัฐบาลไทยเชื่อมั่นว่า นโยบายการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าของไทยจะช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านและการเติบโตให้กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นในประเทศไทยได้อย่างดีในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทได้ตอบรับและยินดีให้ความร่วมมือกับมาตรการดังกล่าว โดยส่วนใหญ่มีแผนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลไทยและคาดว่าจะทยอยเข้าร่วมมาตรการ EV3 ได้ภายใน 1 – 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้ไทยยังคงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค และช่วยเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่การใช้เชื้อเพลิงที่เป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับโอกาสในการสร้างความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงการส่งเสริมธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ด้วย
การหารือกับภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 บริษัท ทั้งรายใหม่และรายที่มีการลงทุนในไทยแล้ว รัฐบาลไทยต้องการให้ผู้ประกอบการพิจารณาไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีความสำคัญต่อ Supply Chain ในภาคอุตสาหกรรมนอกจากนี้ ยังได้ขอบคุณรัฐบาลไทยและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ได้ช่วยให้บริษัทสามารถรักษาการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิดซึ่งได้ช่วยสร้างความมั่นใจในการยึดไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคในระยะยาว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews