“ชลน่าน” ย้ำต้องยึด รธน.สรรหานายกฯ หาก “บิ๊กตู่” พ้นตำแหน่ง แต่เป็นใคร ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่จะเห็นแก่บ้านเมือง
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความเป็นไปได้ของนายกรัฐมนตรีสำรอง ว่า ตามข้อกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ หากนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใดเช่นลาออก หรือพ้นจากตำแหน่งกรณีอยู่รวมกันเกิน 8 ปีไม่ได้ ต้องมีนายกรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้แล้วคือรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือคนที่ 2 ตามลำดับ ตามที่นายวิษณุ เครืองาม ชี้แจงก่อนหน้านี้ หรือกรณีเว้นแต่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ต้องให้ปลัดแต่ละกระทรวงรักษาการแทน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสำรอง ไม่ได้มีบัญญัติไว้ในกฎหมาย แต่เป็นถ้อยคำสื่อสารที่พูดทั่วไปให้เข้าใจง่าย หมายถึงเตรียมเอาไว้สำหรับมีเหตุการณ์ สำรองไว้กลไกเข้าสู่กรณีนี้ผู้มีอำนาจต้องคุยกัน ว่าใครจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี หากพล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง
โดยขณะนี้หากนายกพ้นจากตำแหน่ง การเลือกนายกรัฐมนตรีต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือเลือกจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอก่อน ขณะนี้ 5 คน หากเลือกไม่ได้ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตาม มาตรา 272 วรรคสอง ใช้เสียง 2 ใน 3 เปิดช่องทางนี้ ใช้คนนอกบัญชีรายชื่อที่มี ซึ่งหาก พล.อ.ประวิตร จะเข้าข่ายเป็นนายกรัฐมนตรีสำรองหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการตามที่ได้อธิบายไป
ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าคนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เค้าจะเลือกใครจะไว้ใจใคร ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่จะเห็นแก่บ้านเมือง ให้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเข้ามารับภารกิจอะไร เพื่อสืบทอดอำนาจหรือเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติบ้านเมือง ต้องพิจารณาควบคู่กัน หากต้องการให้สืบทอดอำนาจอาจเป็นชื่อ พล.อ.ประวิตร ซึ่งอยู่ในกลไกอยู่แล้ว และเป็นคนที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ หรือหากจะเห็นแก่บ้านเมืองลดการสืบทอดอำนาจรายชื่อนายกรัฐมนตรี
อาจจะไม่ใช่พล.อ.ประวิตร หรืออาจจะเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดภายใต้เงื่อนไขทั้งสองอย่างให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)อยู่ได้ และนายกฯนำพา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
นอกจากนี้ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการดีลกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคเล็ก หลังมีภาพนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกลุ่ม 16 และนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ร่วมรับประทานอาหารค่ำเมื่อวานนี้ ว่าการแสวงหาส่วนร่วมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151
ซึ่งเฉพาะเสียงของฝ่ายค้าน 208 ไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องที่ใช้กลไกทุกอย่าง เพื่อให้ได้เสียงมากพอเพียงสำหรับการไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีอีก 30 เสียง โดยใช้ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อโน้มน้าวให้ ส.ส. ที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ตัดสินใจ ใช้กลไกรัฐสภาเพื่อกู้วิกฤติศรัทธา ที่ถูกกล่าวหาเรื่องกินกล้วย ส่วนจะได้เสียงมาสนับสนุนมากน้อยเท่าใดนั้น ยังไม่สามารถชี้ชัดได้แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยหารือกันอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ได้ยินข่าวกรณีการล้มนายกรัฐมนตรีในการซื้อเสียง ส.ส.ในสภาฯ 5 ล้าน-30 ล้านบาท ซึ่งไม่ทราบว่าผู้ที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์อะไรแต่ยืนยันฝ่ายค้าน จะล้มนายกฯในกระบวนการของรัฐสภาซึ่งไม่ใช้วิธีการอื่น สามารถตรวจสอบได้จากการยกมืออภิปรายไม่ไว้วางใจในกระแสข่าวลือที่ว่านี้
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าเสียง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่มาหนุนในญัตติของพรรคการเมืองฝ่ายค้านเพื่อต้องการกู้วิกฤติศรัทธาทางการเมือง ซึ่งหากยังคงหลงอยู่ในบ่วงการเมืองในขณะนี้นอกจากจะไม่ได้กู้วิกฤติศรัทธาแล้วอาจจะเรียกว่าถูกฝังทั้งเป็น เชื่อว่าไม่มีใครทำเพราะว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
