“อนุทิน”ย้ำเป้าหมาย มุ่งปรับโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ขอบคุณคนไทย ให้ความร่วมมือใส่หน้ากากอนามัย เผยข่าวดี ยาสำคัญ 2 ชนิด ราคาต่ำลงมาก ประเทศไทย นำเข้าต่อเนื่อง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ในการดำเนินมาตรการด้านสุขภาพแก่ชาวไทยมุสลิม ที่จะเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ อาทิ การฉีดวัคซีน ที่จำเป็น ไปจนถึงแนวทางการดูแลด้านสุขภาพอื่นๆ
ในส่วนของการควบคุมโควิด-19 ประเทศไทย ได้รับการยอมรับในเรื่องการจัดการโรคระบาด และเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี ซึ่งWHO จะเผยแพร่ให้นานาชาติได้เรียนรู้ นาย อนุทิน ได้กล่าวถึงสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทย ว่า กระทรวงสาธารณสุข ยังมุ่งมั่นปรับโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นเรามีการคลายล็อก เท่าที่สามารถทำได้ มาตรการเข้าประเทศ ก็ง่ายขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อย่าง
ล่าสุดการเปิดประเทศที่ผ่านมายกเลิก Test and Go หากนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนโควิดครบ 2 เข็มก็ไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซึ่งมีผู้เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นหลายเท่า และจะมีการผ่อนปรนมากขึ้น เช่น การยกเลิกระบบ Thailand Pass เมื่อถึงเวลาเหมาะสม
ทั้งนี้ เราไม่สามารถกำหนดได้ว่าวันนี้ เวลานี้ โรคโควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเลย มันต้องดูพฤติกรรม และสถานการณ์ เป็นสำคัญ ได้สั่งการนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคหามาตรการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เพื่อให้เกิดความเป็นปกติมากที่สุด แต่ต้องให้ประชาชนตระหนักรู้การใช้ชีวิตในช่วงที่โควิดไม่ได้หายไป ในที่ประชุมได้หารือแผนดำเนินงานมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
สู่โรคประจำถิ่น และเตรียมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระยะ Post-pandemic เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด19 ของประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ระยะ ขาลงของการระบาดแล้ว มีผู้ติดเชื้อผู้เสียชีวิตลดลงเร็วกว่าฉากทัศน์ที่คาดการณ์ไว้ ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีน ก็ยังเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอยู่มาก เพราะวัคซีนสามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้รับวัคซีนโควิดครบ 4 เข็ม ไม่มีอัตราการเสียชีวิตเลย สิ่งสำคัญขอให้กลุ่มเสี่ยง 608 ยิ่งผู้สูงอายุ ยิ่งไม่ได้รับวัคซีนยิ่งเสี่ยง ขอให้มารับวัคซีน โดยเฉพาะบูสเตอร์โดส เนื่องจากผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้สูงอายุ
ส่วนใหญ่จะพบว่าได้รับวัคซีนไม่ครบโดส บ้างก็ 1 โดส บ้างก็ 2 โดส ซึ่งไม่เพียงพอ โดยขอให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสมารับบูสเตอร์ จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวถึงความพร้อมของเวชภัณฑ์ว่า ประเทศไทยยังนำเข้ายาสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง เป็นข่าวดีที่ตอนนี้ราคายาหลายตัวถูกลงแล้ว อาทิ โมลนูพิราเวียร์ และเรมเดซีเวียร์ เป็นต้น
ซึ่งยาบางตัวประเทศไทยสามารถผลิตได้เองด้วย ก็นับว่า มีความมั่นคงในเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก ส่วนการที่มีข้อเสนอให้เอกชนรับยาเข้ามาเองได้เลยนั้นผู้ผลิตจดทะเบียนว่า ยาบางตัว ยังอยู่ในลิสต์ว่าใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีข้อจำกัดในการให้เอกชนนำเข้ามาเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews