“อนุพงษ์” ย้ำ กระทรวงมหาดไทย เร่งพิจารณา กรณีจ่าย เบี้ยยังชีพ คนชราทับซ้อนกับเบี้ยอื่นๆ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราทับซ้อนกับเบี้ยอื่นๆ ว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังประชุมพิจารณาดำเนินการ หากได้ข้อยุติแล้วกระทรวงมหาดไทยจึงจะสามารถแก้ระเบียบได้ ตามระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายไปยังองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 7,850 แห่ง ให้พิจารณาการดำเนินการ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับประชาชนจนกว่าจะมีข้อยุติที่แน่นอนว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง หรือจะเปลี่ยนแปลงระเบียบอย่างไร อาจเป็นการเจรจาหรือชะลอการดำเนินการไปก่อน โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีจำนวน 11,111 ราย และได้ดำเนินการไปแล้ว 4,052 ราย
ส่วนกรณีที่เป็นข่าวสูงอายุนอนติดเตียง และลูกชายเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่จนได้รับบำเน็จพิเศษ น่าจะมีการพิจารณาระเบียบให้เหมาะสม โดยทุกอย่างขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดนี้และกระทรวงพัฒนาสังคมแลความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้พิจารณา ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย จะเร่งแก้ระเบียบทันทีเมื่อได้รับข้อยุติ
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นการสั่งการแต่อย่างใดเนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการ แต่เป็นเพียงการมอบนโยบายในเชิงกว้างเท่านั้น
ส่วนผู้ที่คืนเงินเบี้ยเลี้ยงคนชราภาครัฐไปแล้ว จะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงคืนหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า ขออย่าเพิ่งไปพูดถึงส่วนนั้น การจะหักหรือคืนเงินอยู่ที่คณะกรรมการ ตนไม่สามารถบอกได้ว่าจะทำอย่างไร เพียงแต่ตอนนี้ต้องบรรเทาปัญหา
ผู้ว่าโคราช เร่งช่วยผู้สูงอายุ ทั้ง 610 ราย ที่ถูก เรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืนย้อนหลัง
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรียกประชุมท้องถิ่นจังหวัด อัยการจังหวัด ยุติธรรมจังหวัด คลังจังหวัด เข้าหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้สูงอ่ยุ ทั้ง 610 ราย ที่ถูกเรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืนย้อนหลัง ณ ห้องประชุมสำนักงานคลังจังหวัด ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
โดยนายวิเชียร เปิดเผยว่า จากการสำรวจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบจำนวนผู้สูงอายุที่แจ้งในระบบสารสนเทศ ว่า ได้รับสวัสดิการจากภาครัฐซ้ำซ้อนกับเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 610 ราย
โดยจำนวนเงินที่รับเกินสิทธิ์จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 26,952,157,.86 บาท ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์การเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ จากผู้ไม่มีสิทธิ์ ดำเนินการแล้ว จำนวน 195 ราย เป็นเงิน 7,802,898.86 บาท อยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 285 ราย เป็นเงิน 15,026,896 บาท ยังไม่ดำเนินการอีก 89 ราย เป็นเงิน 3.792,300 บาท และไม่เบิกจ่าย 41 ราย รวมทั้งหมด 610 ราย
สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือ จะแบ่งออกเป็นกลุ่มไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ตามระเบียบ ซึ่งต้องมาดูรายละเอียดว่าสาเหตุที่ไม่สามารถนำเงินมาคืนได้มาจากสาเหตุใด ส่วนอีกกลุ่มคือ กลุ่มที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จะต้องหาวิธีช่วยเหลือในการผ่อนชำระ ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมายและศึกษาถึงกฎระเบียบให้ชัดเจน หากมีการศึกษาข้อกฎหมายแล้ว ก็มีแนวทางที่จะสามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุทั้งหมดได้
โดยทางจังหวัดก็จะให้คำแนะนำและช่วยเหลือทันที เพราะกลุ่มผู้สูงอายุทั้งหมดถือว่ารับเงินไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งการหารือทั้งหมด จะเสนอแนวทางการช่วยเหลือไปยังกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ตาม ท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งให้ทางจังหวัดหาข้อมูลและเสนอแนวทางที่พอจะเป็นไปได้ เพื่อส่งกลับไปให้ทางกระทรวงมหาดไทยพิจารณา ทั้งนี้ ผู้สูงอายุควรรอฟังข่าวดี ซึ่งทางภาครัฐยังไม่นิ่งนอนใจและจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news