“ชัชชาติ” ลุยดูก่อสร้างรถไฟฟ้าแก้รถติดแยกลำสาลี
“ชัชชาติ” ลงพื้นที่ดูก่อสร้างรถไฟฟ้า แก้จราจรติดขัดแยกลำสาลี พบ 3 โครงการล่าช้า ต้องเร่งขอคืนพื้นผิวจราจร
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยว่าที่ ส.ก. เขตบางกะปิ น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ พรรคเพื่อไทย , เขตคันนายาว นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ พรรคเพื่อไทย และเขตสะพานสูง น.ส.มธุรส เบนท์ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ดูปัญหาการก่อสร้างรถไฟฟ้า และการจราจรที่ติดขัด บริเวณแยกลำสาลี เขตบางกะปิ ซึ่งมีการก่อสร้างพร้อมกัน 3 โครงการคือ รถไฟสายสีส้มรามคำแหง-สุขาภิบาล , รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ศรีนครินทร์ -ลาดพร้าว และสะพานข้ามแยกลาดพร้าว ไปสุขาภิบาล ซึ่งการก่อสร้างพร้อมกัน 3 โครงการ ล่าช้าทำให้การจราจรติดขัด
โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วน กทม.รับผิดชอบ สะพานข้ามแยกจากลาดพร้าวไปสุขาภิบาล จึงต้องเร่งรัดการก่อสร้างที่ดำเนินการได้เพียง 5% เท่านั้น ขณะเดียวกันต้องเร่งขอคืนพื้นที่จราจร จากผู้รับเหมาในการก่อสร้างรถไฟฟ้าเพราะบางจุด สามารถคืนพื้นที่ได้ ซึ่งผู้รับเหมาในพื้นที่รับปากจะคืนพื้นที่จราจรภายในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ หรือประมาณหนึ่งเดือนนับจากนี้ ซึ่งในนายชัชชาติได้ให้ทีมงานบันทึกเสียงของผู้รับเหมาเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าจะดำเนินการตามนั้นจริง
ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องของการจราจรเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องเร่งรัดดูแลเป็นลำดับต้นๆ และเตรียมที่จะพูดคุยกับทั้ง กรมการขนส่งทางบก , กสทช. กรณีนำสายสื่อสารลงดิน ,รฟม.กรณีการก่อสร้างรถไฟฟ้า และ องค์การต่อต้านคอร์รัปชัน กรณีการทุจริตต่างๆ โดยจะเข้าไปพูดคุยทันที ที่ได้รับการรับรองผลการเลือกตั้ง
พร้อมกันนี้ ได้มีพนักงานของ กทม. ที่ทำงานอยู่บริเวณนั้นได้เข้ามาขอถ่ายรูปให้กำลังใจ พร้อมร้องขอให้เพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการให้กับพนักงาน รวมถึงสะท้อนปัญหาเรื่องการบรรจุเนื่องจากทำงานเป็นลูกจ้างมานานนับ 10 ปีแต่กลับยังไม่ถูกบรรจุ โดยนายชัชชาติรับปากจะไปดูรายละเอียดในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ยังมีแม่ค้าในตลาดบางกะปิมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือกรณีมาเฟียเก็บค่าจอดรถภายในตลาด ส่งผลให้ลูกค้าเดินทางมาจับจ่ายซื้อของน้อยลงหลังยื่นเรื่องให้ผู้ว่าฯกทม.คนก่อนแต่ไม่ได้รับการแก้ไขและเรื่องเงียบหายไป โดยหลัเสร็จภารกิจนายชัชชาติได้นั่งเรือคลองแสนแสบเพื่อเดินทางกลับ
ทั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าหากนโยบาย 214 ข้อทำได้จริง อำนาจก็ยิ่งกว่านายกเสียอีกนั้น ว่าขอบคุณกำลังใจจากนายกรัฐมนตรี ขอบคุณที่สนใจ น้อมรับทุกคำติชมทุกคำวิจารณ์ ยิ่งทำให้ตนมีแรงกระตุ้นในการทำงานให้ดีที่สุด
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าหากทำไม่ได้ตามนโยบายคะแนนการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะลดลงเหลือเพียง 200,000 เท่านั้น ตนมองว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดตนน้อมรับทุกความคิดเห็นและยิ่งต้องทำงานให้หนักขึ้นให้เร็วขึ้น และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีมีการติเตียนในเชิงสร้างสรรค์ ทุกคนเป็นคนกรุงเทพเหมือนกันสามารถแสดงความคิดเห็นได้
ทั้งนี้ นายชัชชาติย้ำว่า การที่กำหนดนโยบายไว้ชัดเจนทั้ง 214 ข้อ เป็นข้อดีที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ง่าย เพราะหากพูดแล้วไม่มีอะไรเป็นตัวชี้วัด 4 ปีกรุงเทพฯก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ที่น่าดีใจมากคือมีบางสำนักงานเขต นำนโยบายบางส่วนไปใช้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และเห็นว่าทุกคนเริ่มตื่นตัว ซึ่งบางนโยบายสามารถเริ่มทำได้เลยโดยไม่ต้องรอ เช่นการหาพื้นที่ปลูกต้นไม้ และการแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม พร้อมน้อมรับการบ้าน ข้าราชการและประชาชน เพราะเป็นการสื่อสารสองทาง นโยบายเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของประชาชนเพราะไม่ใช่ศิลาจารึกซึ่งขอบคุณข้าราชการที่เข้าไปศึกษานโยบายยืนยันจะพยายามทำให้ได้มากที่สุด
ส่วนกรณีปัญหาเรื่องป้ายที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องหากยังไม่ดำเนินการกับผู้ที่นำป้ายไปหาเสียงไปใช้นั้น ตนถือว่าเป็นสิทธิของตนที่ดำเนินคดีหรือไม่ แต่มั่นใจว่าฝ่ายกฎหมายได้ดูเรื่องข้อกฎหมายโดยละเอียดแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews