พล.อ.ประวิตร ประชุม กบฉ.ขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 3 เดือน ปรับลด อ.ยะหริ่งออกจากพื้นที่ประกาศฯ ฉุกเฉิน สะท้อนภาพลักษณ์รัฐบาลจริงใจสร้างสันติสุข
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือกบฉ. ครั้งที่4/2565 ณ ห้องประชุมสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาสมช. เข้าร่วมการประชุม
โดยที่ประชุมได้รับทราบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าหรือ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า รายงานผลการดำเนินงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วง 20 มี.ค.-5พ.ค.65 ซึ่งภาพรวมสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มลดลง และประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยดี ประกอบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบ ความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามแผนปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดพื้นที่ต่อเนื่องและได้เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เนื่องจากผ่านเกณฑ์การประเมิน และนำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาบังคับใช้แทน เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมาย
พร้อมทั้งเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศฯ ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดใช้แดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร, อ.สุไหงโก-ลก, อ.แว้ง, อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง, อ.ไม้แก่น, อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง ,อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มิ.ย.-19 ก.ย.65 (ครั้งที่68) เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยังคงประสิทธิภาพในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ต่อไป
นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และขอบคุณประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความเข้าใจ และให้ความร่วมมือ ร่วมใจ เป็นอย่างดียิ่ง
พร้อมทั้งยังได้กำชับกอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ให้เข้มงวดงานด้านการข่าว และเฝ้าระวังพื้นที่ปรับลด ซึ่งอาจถูกใช้เป็นแหล่งหลบซ่อนและพักพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุ รวมถึงให้คงบังคับใช้กฎหมาย จริงจัง ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจกับประชาชนต่อเนื่อง รวมทั้งให้เตรียมแผนการปรับลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติมเพื่อรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews