“วิษณุ” ชี้ตัดงบบำนาญ ขัดกฎหมาย กระทบสิทธิ
“วิษณุ” ชี้ตัดงบบำนาญ ขัดกฎหมาย กระทบสิทธิ เว้นแต่แก้กฏหมายก่อน บอกรัฐบาลคิดเรื่องนี้มาตลอด จึงไม่คิดระบบเออรี่-รีไทร์ เหตุกระทบงบประเทศ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายในที่ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ถึงกรณีเบี้ยบำนาญที่ควรตัดงบประมาณส่วนนั้นออก ว่า แล้วแต่ทางกรรมาธิการว่าจะจัดการอย่างไร เนื่องจากเวลานี้ร่างพ.ร.บ.งบ 66 เข้าไปอยู่ในชั้นกรรมาธิการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องบำเหน็จบำนาญเป็นผลที่เกิดจากกฎหมายที่เขียนเอาไว้ เมื่อทำงานราชการมา ถึงเวลาก็ต้องได้บำเหน็จ บำนาญ
ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่มองว่ามากไปอย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนจะไปแปรญัตติตัดงบประมาณกันนั้นหากจะไปกระทบกับสิทธิตามกฎหมายของบุคคลนั้นคงไม่ได้ เว้นแต่จะมีข้อเสนอแนะให้แก้กฎหมายจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะตัวเลขงบประมาณที่มองดูว่าสูง ความจริงเหมือนกับตัวเลขในอดีต เมื่อข้าราชการจำนวนมากขึ้น จำนวนบำเหน็จ บำนาญก็มากขึ้นเท่านั้นเอง
ซึ่งรัฐบาลคิดสิ่งเหล่านี้อยู่โดยตลอด จึงไม่คิดให้มีการเออรี่รีไทร์ เพราะจะเป็นภาระงบประมาณ หรือแม้แต่ในเรื่องการขยายอายุการเกษียณราชการซึ่งเดิมเคยมีการคิดเอาไว้ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดโควิด- 19 ว่าจะขยายจาก 60 ปีเป็น 63 ปี หากเป็นเช่นนั้นจะยังไม่ต้องจ่ายบำนาญ แต่ปรากฏว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดที่เข้ามา
จึงหยุดเรื่องการขยายอายุเกษียณราชการไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีการขยายอายุราชการล็อตแรก ที่จะเกษียณอายุราชการอายุ 63 ปี และอีกล็อตคือขยายเป็นอายุ 65 ปี ซึ่งอยู่ในแผนปฏิรูป จะเป็นการทำให้ชะลอการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญได้ แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คนต้องการเงิน และออกจากระบบราชการโดยเร็ว จึงต้องปล่อยให้เป็นเกษียณอายุราชการ 60 ปีไปก่อน
ส่วนเงินบำนาญที่ระบุไว้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ถือว่าสมเหตุสมผลตามจำนวนของข้าราชการหรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ผู้ที่คิดเรื่องนี้ขึ้นคิดตามความสมเหตุสมผล ที่มองกันว่าไม่สมเหตุสมผลนั้นอาจต้องมองในเรื่องของกฎหมายที่เป็นต้นตอของการจ่ายบำนาญ เพราะฉะนั้นต้องแก้กฎหมาย ซึ่งมีหลายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งหากต้องการตัดบำเหน็จบำนาญ ส.ส./ส.ว. ก็ต้องไปแก้กฎหมายเหมือนกันใช่หรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ส.ส.และส.ว.ไม่มีบำเหน็จบำนาญ เราไปเรียกกันเองว่าเป็นบำนาญที่จริงแล้วคือเงินสงเคราะห์ เงินช่วยเหลือ หากอยากจะตัดงบประมาณส่วนนี้ต้องไปแก้ไขกฎหมาย
ทั้งนี้นายวิษณุ ระบุว่า ไม่ขอวิจารณ์ว่าการเสนอขอตัดงบประมาณส่วนดังกล่าวเป็นการสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยระบุเพียงว่า มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์อะไรได้ทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนหากกรรมาธิการจะขอปรับลดงบดังกล่าวจะเป็นการตัดขวัญและกำลังใจของข้าราชการหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า หากได้ปรับลดแล้วจริง คงจะกระทบ แต่การที่บางคนนั้นเสนอไม่ใช่ว่าคนอื่นเขาจะเห็นด้วย ต้องไปว่ากันเองในหมู่กรรมาธิการ และจะต้องนำกลับเข้ามายังที่ประชุมสภาอีกครั้งหนึ่ง โดยหากเป็นการทำตามกฎหมายที่มีอยู่ ก็ไม่สามารถปรับลดได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากจะเป็นการขัดต่อกฎหมาย นายวิษณุ ระบุว่า ตนยังคิดไม่ออกว่าจะปรับลดอย่างไร ที่ไม่ให้ขัดกับกฎหมาย
อย่างไรก็ตามการตั้งข้อสังเกตถึงการวางงบเพื่อตรวจสอบคลื่น GT 200 นายวิษณุ ระบุว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด ต้องคุยกับทางกองทัพ หรือสำนักงบประมาณ ซึ่งในที่ประชุมกรรมาธิการคงจะมีการสอบถาม และสำนักงบประมาณจะต้องชี้แจงได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews