ตร.จับเครือข่ายแฮกไลน์ หลอกยืมเงิน สูญเงินกว่า 50 ล้านบาท
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ แถลงผลการจับกุมขบวนการแฮกไลน์ เหยื่อแล้วทักไปยืมเงินเพื่อนในไลน์ ซึ่งระบาดหนักในช่วงนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่าคดีนี้ฝ่ายรับแจ้งความออนไลน์พบสถิติมีผู้แจ้งความถูกแฮกไลน์หลอกยืมเงินเข้ามามากผิดปกติ เกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยช่วยกันสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายจากนั้นตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าเครือข่ายแฮกไลน์นี้จะส่งลิ้งก์แฝงโปรแกรมไปยังกลุ่มต่างๆ เช่น เว็บไซต์จองที่พัก , กลุ่มขายกระเป๋าแบรนเนม เมื่อมีเหยื่อหลงกลกดเข้าไป จะเข้าสู่หน้าที่ให้กรอกข้อมูล หากเหยื่อกรอกข้อมูลลงไปแล้ว คนร้ายจะสามารถเข้าไปล็อกอินระบบไลน์ของเหยื่อได้ทันที จากนั้นก็จะทักไปยืมเงินเพื่อนในไลน์ของผู้เสียหาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ชุดหนุมาน บก.ป. ได้นำหมายศาลบุกเข้าจับกุมตัวนายสมพรหรือแหลม (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาระดับหัวหน้าขบวนการและเป็นมือแฮกเกอร์ จากคดีที่นายสมพรฯ แฮกไลน์ของ นายเป๊ก-เศรณี ลูกชายคนเล็กของ นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และจากประวัติอาชญากรรมยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
จึงขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับ นายณัฐพงษ์ อายุ 36 ปีกับพวกรวม 6 ราย ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีและถอนเงินที่เหยื่อโอนเข้ามา นอกจากนี้ยังพบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกหลายรายการเตรียมขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 7 ราย
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขบวนการนี้มี นายสมพร หรือแหลม สงวนนามสกุลเป็นแฮกเกอร์ เคยถูกจับกุมมาแล้วและอยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีอยู่ นอกจากนี้ นายสมพร ยังมีพฤติกรรมเกี่ยวพันกับยาเสพติดจึงเข้าไปพัวพันกับ นายบัณฑิต อวยชัย หรืออ้น ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ( ถูก บช.ปส.จับกุมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.65 ข้อหา สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ) และจึงมีการรวมตัวกันสร้างขบวนการแฮกไลน์ขึ้นมาใหม่
โดยพัฒนากรรมวิธีการเดินบัญชีโดยใช้กลุ่มบัญชีม้าของผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มของ นายบัณฑิตฯ (อ้น) ช่วยเดินบัญชี และขยายเครือข่ายการจัดหาบัญชีม้าและมีการสอนรูปแบบการเดินบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบให้กับเครือข่าย ซึ่งทุกคดีที่เกิดขึ้นจะมีแผนประทุษกรรมการโยกย้ายเงินเหมือนกัน
ซึ่งเป็นแผนประทุษกรรมเหมือนกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ทำให้ขบวนการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยการบูรณาการร่วมกันปฏิบัติการครั้งนี้ สมบูรณ์แบบเพราะสามารถจับกุมตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับหัวหน้าขบวนการ และสามารถยึดและอายัดเงินในบัญชีของขบวนการนี้ไว้แล้ว 32 บัญชี ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการเพื่อนำคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
ทั้งนี้ จากสถิติคดีเดือน มี.ค.-พ.ค. 65 ที่ผ่านมามีผู้เสียหายถูกหลอกไปแล้ว 969 คดี ความเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งพบแต่ละรายที่ถูกหลอกจะเสียเงินเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงไปแล้วให้รีบแจ้งความเข้าระบบออนไลน์ไว้ เพื่อจะได้เร่งติดตามยึดทรัพย์สินนำคืนให้กับผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews