“ศุภชัย” ชี้มีการเมืองปลุกปั่นโจมตี ส.ส.มุสลิม โหวตรับร่าง พ.ร.บ.กัญชา ย้ำเจตนา ใช้การแพทย์ เศรษฐกิจ ไม่เคยหนุนด้านมึนเมา
นายศุภชัย ใจสมุทร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (Suphachai Jaismut) ต่อกรณีมีการวิจารณ์ การลงความเห็นของ ส.ส.มุสลิมที่ลงมติรับร่าง พ.ร.บ. กัญชา ว่า การลงมติของ ส.ส มุสลิม ในการปลดล็อกกัญชาเป็นที่รู้กันว่าในโลกนี้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากพืชมานานแล้ว มอร์ฟีน ที่ขายภายใต้ชื่อการค้าหลายชื่อ เป็นยาระงับปวดชนิดยาเข้าฝิ่น ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาทส่วนกลางเพื่อลดความรู้สึกปวด
ใช้ได้ทั้งกับอาการปวดเฉียบพลันและปวดเรื้อรัง
โคเคน เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากใบของต้นโคคา (erythroxylum coca) ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ สารโคเคนถือเป็นยาชาเฉพาะที่ชั้นเลิศ ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2556 สมาคมแพทย์
ด้านโสตศอนาสิกวิทยาแห่งสหรัฐ กำหนดให้โคเคนเป็นสารระงับความรู้สึกและตีบหลอดเลือดที่ดีเยี่ยม เมื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยสำหรับอายุรแพทย์
ส่วนกัญชาก็เช่นเดียวกัน เฉพาะประเทศไทยเราใช้เป็นยารักษาโรคมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจนปัจจุบัน และแน่นอนว่าทั้งฝิ่น โคเคน หรือกัญชา มีสารเสพติดอยู่ ซึ่งหากเรานำสิ่งที่เป็นประโยชน์ของพืชนี้
ก็ย่อมเป็นสิ่งที่พึงต้องทำ เชื่อว่าในชีวิตหนึ่งของคนเราทุกเชื้อชาติทุกศาสนาหากต้องเจ็บป่วยก็อาจต้องใช้ประโยชน์จากมอร์ฟีนซึ่งทำจากพืชฝิ่น โคเคนที่ทำจากพืชโคคา หรือจากกัญชาเพื่อรักษาโรค
ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงเรื่องนี้ว่า พรรคภูมิใจไทย เสนอการปลดล็อกกัญชาด้วยเหตุผลว่าเราสามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ เช่นฝิ่นหรือโคคาได้ และเป็นเพียงสองกรณีนี้ ไม่มีการสนับสนุน
ให้นำกัญชามาเสพมาสูบเพื่อการนันทนาการแต่อย่างใดเลย และ ส.ส.แต่ละคนจะลงมติใดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยย่อมมีเอกสิทธิและเหตุผลของแต่ละคน
“การกล่าวหาว่า ส.ส พรรคภูมิใจไทย ที่เป็นมุสลิม หรือ ส.ส. พรรคอื่นที่ลงมติรับ เพื่อให้นำไปเสพเป็นสิ่งมึนเมาจึงเป็นการพูดเท็จ เป็นการกล่าวหากันทางการเมืองเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมือง ของพรรคการเมือง ถ้าจะเห็นว่ากัญชาเป็นของมึนเมา บุหรี่ก็คงไม่ต่าง และผมก็เห็น ส.ส.มุสลิม ที่ไม่ได้ลงมติหรือคัดค้านกัญชาสูบบุหรี่มวนต่อมวน อยู่ที่สภาอยู่เป็นปกติ”
การพูดปดมดเท็จเป็นการกระทำที่ขัดต่อบัญญัติอิสลามและจริยธรรม โดยท่าน ศาสดามูฮัมหมัด กล่าวว่า “มีคนอยู่สามกลุ่มที่ถึงแม้ว่าเขาจะดำรงนมาซ (ละหมาด) และถือศีลอดแต่ยังถือว่ากลับกลอก(มูนาฟิอีน)อยู่ดี คือผู้พูดมดเท็จ ผู้บิดพริ้วสัญญาและผู้ที่ไม่มีอามานะฮฺ (ทุจริต) และท่านนบีมูฮัมมัด(ซล.)ยังได้กล่าวด้วยว่า “แท้จริงการพูดเท็จคือประตูหนึ่งจากบรรดาประตูแห่งนิฟาก กลับกลอกการโกหก เป็นคิยานัต (การทรยศ) ที่ยิ่งใหญ่ เป็นการทำลาย มิตรภาพ ความเป็นพี่น้อง เพื่อนสหาย เป็นการล้อเล่นกับความไว้ใจของผู้อื่นก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายทั้งโลกนี้และโลกหน้า”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews