“ขจิตร” โวยลั่นสภาฯ เผด็จการครอบงำ หลัง “ชัชวาลย์” ส่งสัญญาณให้คืนเนื้อหาเดิม ก่อนเสียงข้างมากโหวตตัดสิทธิ์ตำรวจชั้นผู้น้อย ร่วมโหวตเลือก ก.ตร. ในส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ
การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…. ซึ่งกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ส.ว.ในฐานะรองประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระสอง ต่อเนื่องในมาตรา 17
ซึ่งกมธ. มีการแก้ไขให้สิทธิข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการตำรวจ ในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิ โดยระบุถ้อยคำว่า ให้ข้าราชการตำรวจทั้งที่มียศและไม่มียศ ซึ่งตำแหน่งตั้งแต่ผู้บังคับหมู่หรือเทียบเท่าขึ้นไปเป็นผู้เลือก
ทั้งนี้ การอภิปรายของ กมธ.ที่สงวนความเห็น ระบุว่า ในการแก้ไขมาตราดังกล่าวมีความพยายามที่จะแก้ไขให้กลับไปใช้เนื้อหาเดิมที่รัฐสภารับหลักการ โดยนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. อภิปรายว่า เดิมการเขียนร่างกฎหมาย ที่ให้เฉพาะนายตำรวจใหญ่ 5,000 นาย เป็นผู้เลือก ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ตนเสนอให้แก้ไข ให้ข้าราชการตำรวจทั้งหมด ที่มีตัวตนอยู่ 2.1 แสนนาย
และให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งตามที่ประสานงาน กกต. ยินดีที่จะดำเนินการให้ แต่เพื่อความเป็นประชาธิปไตย และผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ตร. จะมีความผูกพัน ก็มีข่าวที่น่าเสียใจ คือ มีกลุ่มบุคคลให้โหวตคืน
โดยพล.ต.อ.ชัชวาลย์ ชี้แจงขอหารือก่อนการลงมติ 2 ประเด็น กมธ.ฯ เสียงข้างมากเพิ่มถ้อยคำ 2 จุด คือ กรรมการข้าราชการตำรวจสอดคล้องกับมาตราอื่นๆ เพื่อไม่ซ้ำซ้อนกับกรรมการตำรวจนโยบายแห่งชาติ และ ข้าราช การตำรวจทั้งที่มียศและไม่มียศ ที่ขยายสิทธิเป็นผู้เลือก ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ หากลงมติกลับสู่ร่างเดิม ถ้อยคำดังกล่าวจะมีผลกระทบ ดังนั้น ต้องหาทางว่าจะให้คำ2คำอยู่ในร่างมาตรา 17 ส่วนการลงมติอย่างไรขึ้นอยู่กับสมาชิก
ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตจากคำพูดของพล.ต.อ.ชัชวาลย์ ว่า การลงมติจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อหา โดยคืนเนื้อหาเดิม จนกระทั่งถึงการลงมติ ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 255 เสียง ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ. และให้กลับไปใช้ตามเนื้อหาเดิม ต่อ 147 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง
ขณะเดียวกัน กมธ.เสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยได้อภิปรายโต้แย้งและมองว่าจะทำให้การใช้กฎหมายในอนาคตมีปัญหาใหญ่ได้ โดยนายสาทิตย์ วงศ์ หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะกมธ. อภิปรายว่า หากเนื้อ หาของมาตรา 17 กลับไปตามร่างเดิม จะทำให้ถ้อยคำว่าการเลือกกรรมการข้าราชการตำรวจ เหลือเพียงการเลือกกรรมการเท่านั้น โดยอาจจะกระทบกับมาตราอื่น ที่มีการแก้ไขถ้อยคำ และอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่
ซึ่งนายพรเพชร ประธานการประชุม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กรรมาธิการ ตนตอบชี้แจงไม่ได้ เพราะจะชี้นำและจะเป็นการโต้แย้งสมาชิกรัฐสภา
จากนั้น ได้เข้าสู่การพิจารณามาตรา 18 โดยนายพรเพชร กล่าวว่า มาตรา 18 มีการแก้ไข และจะกระทบกับมาตรา 17 ทั้งนี้ ขอให้กรรมาธิการฯ พิจารณาว่าจะแก้ไขอย่างไร
แต่ก่อนจะเข้าสู่การอภิปรายของสมาชิก นายขจิตร ประกาศกลางห้องประชุมรัฐสภาว่า ไม่ขออภิปรายตามที่สงวนไว้ และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนครบวันนี้ ขออนุญาตหัวหน้าพรรคและวิป ไม่ร่วมสังฆกรรมกับการประชุมที่บิดเบี้ยวทำให้เกิดปัญหา เพราะมติที่ผ่านไปในมาตรา 17 สะท้อนว่าอำนาจเผด็จการครอบงำรัฐสภาแห่งนี้
จากนั้น นายพรเพชร ได้สั่งพักประชุม เพราะมองว่า กมธ.ควรแก้ไข เนื่องจากมีประเด็นที่คาดไม่ถึง และกระทบมาตรา 18 อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมาประชุมอีกครั้ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ ชี้แจงว่าจะเสนอแก้ไขในชั้นกรรมาธิการฯ ผ่านวาระสองแล้ว เพราะสามารถแก้ไขถ้อยคำได้ก่อนลงมติวาระสาม แต่ถูกโต้แย้งจาก ส.ส.พรรคฝ่ายค้านว่าไม่สามารถทำได้ เพราะถ้อยคำที่จะเพิ่มนั้นคือ เนื้อหา แต่การแก้ไขถ้อยคำหลังผ่านวาระสองนั้น หมายถึงการเติมคำตกหล่น เช่น และ , หรือ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายเสนอให้พักการพิจารณา และให้กมธ.นำไปแก้ไขก่อนเสนอต่อรัฐสภาอีกครั้ง และระหว่างนั้น ให้นำร่างกฏหมายลูกมาพิจารณาก่อน แต่ถูกโต้แย้ง ก่อนที่นายพรเพชร จะวินิจฉัยให้เดินหน้าประชุมในมาตรา 18 ต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews