Home
|
ข่าว

รัฐสภาพิจารณา พรบ.ตำรวจ ต่อเป็นครั้งที่ 4

Featured Image
รัฐสภาพิจารณา พรบ.ตำรวจ ต่อเป็นครั้งที่ 4 หลังเดินหน้ามาแล้ว 67 มาตรา หลังกมธ.ที่สงวนความเห็น ส่วนใหญ่ไม่ติดใจ และเหลืออีก 105 มาตรา

 

ที่ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างพระราชบัญัญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.. ซึ่งกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ส.ว. ในฐานะรองประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ วาระสอง ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4

 

โดยการประชุมเมื่อวานนี้ (16 มิถุนายน) ได้ใช้เวลาพิจารณากว่า 9 ชั่วโมง สามารถผ่านการพิจารณาได้รวม 53 มาตรา ตั้งแต่มาตรา 14 ถึงมาตรา 67 ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ผ่านการพิจารณาไปอย่างรวดเร็ว

 

เนื่องจาก กมธ.ที่สงวนความเห็นมีจำนวนไม่มาก และส่วนใหญ่ไม่ติดใจ เช่นเดียวกับผู้เสนอคำแปรญัตติที่ขอถอนคำแปรญัตติ เพราะไม่ติดใจเช่นกัน จากนั้น นายชวน หลักภัย ประธานรัฐสภา ได้สั่งปิดประชุมไปเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. และคงเหลือมาตราที่รอการพิจารณาอีก 105 มาตรา

 

สำหรับมาตราที่มีการแก้ไข และเห็นชอบตามกรรมาธิการ อาทิ มาตรา 36 มีการแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น ประเด็น ตัดมาตรา 36 ออกทั้งมาตรา โดยกรรมาธิการขอสงวนความเห็น อภิปรายแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการ ก.ร.ตร. ยังมี ความใกล้ชิดกัน

 

ดังนั้น อาจไม่เป็นธรรมในการตรวจสอบการร้องเรียน กลายเป็นรัฐรวมศูนย์ ไม่มีโครงสร้างการตรวจสอบ และไม่เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจที่ดี เจริญก้าวหน้า

 

ส่วนมาตรา 54 มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น และผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติ ในประเด็นตำแหน่งข้าราชการตำรวจประเภทที่มียศกรรมาธิการขอสงวนความเห็น และสมาชิกฯ ผู้แปรญัตติ อภิปรายแสดงความคิดเห็นว่า ควรกำหนดตำแหน่งให้ชัดเจนในกลุ่มสายงานสอบสวน

 

โดยขอให้เพิ่มแท่งสอบสวนขึ้นมา เพื่อให้ข้าราชการตำรวจในสายงานสอบสวนมีการเลื่อนตำแหน่งขึ้นตามสายการบังคับบัญชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับข้าราชการตำรวจ และทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ดีขึ้น รวมทั้งขอให้ขยายความเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นตำแหน่งในสายงานสอบสวน โดยขอให้มีคุณวุฒิที่เหมาะสมกับงานในหน้าที่ด้วย

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube