“กรณ์” จี้พาณิชย์ ใช้อำนาจ พรบ.ราคาสินค้า คุมราคาน้ำมัน ชี้เป็นหนึ่งในสินค้าควบคุม หากทำได้ลดทันที 4 บาท
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า แถลงนำเสนอแนวทางที่จะทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั้มลดลงได้ ลิตรละ 4 บาทว่า จากการตรวจสอบ พบว่าทั้งก๊าซปิโตรเลียมเหลว และน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหนึ่งในสินค้าควบคุม
ตั้งแต่ 30 มิ.ย. 2564 แต่ไม่ปรากฏมาตรการที่จะออกมาควบคุมตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องค่ากลั่นน้ำมัน จึงเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ใช้อำนาจโดยตรงผ่าน พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้า และบริการ หรือ กกร. ควบคุมราคาน้ำมัน ซึ่งมองว่าหากใช้อำนาจดังกล่าว คนไทยจะสามารถใช้น้ำมันที่มีราคาลดลง 4 บาทต่อลิตรได้ทันที
ทั้งนี้ อัตราค่าการกลั่น ในปี 2565 เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดย ไตรมาสแรกของปี หรือ 3 เดือนแรก ปรับเพิ่มเฉลี่ย 1.91 บาทต่อลิตร สร้างกำไรให้โรงกลั่น 28,000 ล้านบาท และปัจจุบัน ค่าการกลั่นขยับสูงขึ้น เกือบ 6 บาทแล้ว ดังนั้นหากส่วนต่างของค่าการกลั่นไปลดราคาน้ำมันหน้าปั๊มจะทำให้สามารถช่วยเหลือประชาชน ประหยัดเงินลงได้ 4 บาทต่อลิตร
พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาทันทีด้วยการออก พระราชกำหนดลดค่าภาระน้ำมันแพงให้ประชาชน เพื่อวางหลักเกณฑ์เรื่องของค่าการกลั่น ให้ชัดเจน และโปร่งใส
ภายใต้กติกาและมีหลักธรรมาภิบาล และรองรับปัญหาความยืดเยื้อของวิกฤตพลังงานที่อาจยาวนานเกิน 3 เดือน เนื่องจากขณะนี้รัฐไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย เป็นเพียงสัญญาปากเปล่าที่ไม่มีอะไรเชื่อถือได้
ส่วนกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ออกมายืนยันว่าค่าการกลั่น 3 บาทต่อลิตร ไม่ใช่ 8 บาทตามที่นายกรณ์ ออกมาเปิดเผยนั้น ตนได้นำข้อมูลจากกระทรวงพลังงานและ บริษัท ปตท. ในการคิดคำนวณ ซึ่งเชื่อถือได้ และใช้สูตรคำนวณคือราคาน้ำมันสำเร็จรูป ลบ ราคาน้ำมันดิบ
ซึ่งจะเท่ากับ ค่าการกลั่น ดังนั้นสิ่งที่นายสุพัฒนพงษ์ บอกว่าลิตรละ 3 บาท ถือเป็นเพียงค่าเฉลี่ยของ 5 เดือนแรกของปีนี้เท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลปัจจุบัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าหากกำไรของโรงกลั่นไม่มากพอคงไม่กล้าคืนเงิน กว่า 2 หมื่นล้านบาทเข้ากองทุนน้ำมันทันที
ทั้งนี้ นายกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” พูดถึงตน โดยเชื่อว่าสิ่งที่นายสนธิคิดกับสิ่งที่ตนคิดไม่ได้แตกต่างกัน เพราะคงมองเรื่องของหน้าที่กระทรวงพาณิชย์เหมือนกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
