ด่วน! ผู้ตรวจการแผ่นดิน เคาะแล้ว ปลดล็อก ให้รัฐจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ กับผู้ได้รับบำนาญพิเศษ โดยไม่ต้องคืนเงินที่ได้รับไปแล้ว
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน กรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญพิเศษ
โดย พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ผู้ตรวจฯมีมติว่า เงินบำนาญพิเศษเป็นคนละก้อนกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งเจตนารมของการให้เงินบำนาญพิเศษนั้นเพื่อตอบแทนให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติแล้วเกิดทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามมาตรา 33 ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ให้ผู้ที่ได้รับบำนาญพิเศษสามารถได้รับเบี้ยผู้สูงอายุด้วย โดยหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการ
ส่วนผู้ที่ได้รับเงินไปแล้วต้องไปกำหนดบทเฉพาะกาล ซึ่งถือเป็นการได้โดยสุจริต สำหรับกรณีบุคคลที่นำเงินมาคืนภาครัฐแล้วถือว่าแสดงสิทธิเจตนารมณ์ที่จะมาคืน ไม่ได้อยู่ในฐานะที่เดือดร้อน อย่างไรก็ตามหากมีการแก้ระเบียบดังกล่าวแล้วผู้ที่มีเจตจำนงจะขอรับเงินเบี้ยยังชีพนั้นก็สามารถแสดงความจำนงขอรับได้ตามปกติ
“วิษณุ” เผย คกก.ผู้สูงอายุ เร่งหารือปมเรียกคืนเบี้ยชรา ยืนยันไม่คืนเงินไม่ติดคุก แต่ต้องดูเจตนา รอสอบเจ้าหน้าที่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมคณะกรรมการค่าเบี้ยยังชีพ ว่าจะมีเรื่องการแก้ไขกฎหมายหรือไม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจน แต่มีหลายทางออก ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการผู้สูงอายุประชุมกันอยู่ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.
ซึ่งเรื่องนี้มี 3 ประเด็น คือ มีการพูดว่าคนแก่ติดคุกหากไม่คืนเงินนั้น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ในอดีตไม่เคยดำเนินคดีอาญาเรื่องนี้และปัจจุบันก็ไม่มีนโยบาย หรือความคิดดำเนินคดีเรื่องนี้เช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นต้องตั้งข้อหาฉ้อโกง แต่กรณีนี้ไม่มีพฤติกรรมหรืออะไรเข้าข่ายฉ้อโกง จึงไม่สามารถฟ้องอาญาได้ย้ำว่าจะไม่มีผู้ใดติดคุกติดตาราง เพราะความผิดอาญาในเรื่องนี้ แต่ในส่วนเจ้าหน้าที่ก็ถืออีกเรื่องหนึ่ง
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า แม้ไม่มีการรับผิดทางอาญา แต่ต้องมาดูถึงการรับผิดทางแพ่ง ซึ่งการคืนเงินหลักคือถ้ารับโดยสุจริต และเงินยังเหลืออยู่ก็ต้องคืนแต่หากเงินไม่เหลืออยู่ก็ไม่ต้องคืน หรือสรุปง่ายๆ คือ สุจริตไม่ต้องคืน แต่ไม่สุจริตต้องคืน ส่วนจะสุจริตหรือไม่สุจริตนั้นจะเหมารวมไม่ได้ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป
โดยขณะนี้ มีตัวเลขผู้อยู่ในข่ายต้องไต่สวนต่อเกือบ 6,000 รายทั่วประเทศ และคืนเงินแล้ว 130 ล้านบาท
นายวิษณุ กล่าวว่า ในส่วนเจ้าหน้าที่หรือท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงิน จะต้องมีส่วนรับผิดชอบหรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินการ ในขณะนี้รายชื่อที่อยู่ในกรมบัญชีกลาง ผู้รับเบี้ยคนชราแล้วรับเงินบำนาญหรือสวัสดิการอื่นๆนั้นต้องหยุดไว้ก่อน
โดยย้ำว่ากรณีเบี้ยยังชีพคนชรา ระเบียบระบุไว้ว่าถ้ารับเงินบำเหน็จ บำนาญหรือเงินสงเคราะห์อื่นๆ อยู่จะรับเบี้ยชราไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news