นายกฯ ไม่หนักใจศึกซักฟอก ย้ำ รบ.รับมือโควิด ไม่เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ส่วนเยียวยาเงินอาจยุ่งยากขอปรับตัว ยันแผนฉีดวัคซีนยังคงเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผ่าน พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีการอภิปรายในวันที่ 16 – 19 ก.พ.นี้ ว่า รัฐบาลจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ซึ่งยังไม่มีอะไรหนักใจในตอนนี้ ขอให้เป็นการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่ทำให้เกิดผลกระทบในหลายๆอย่าง
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามฟัง การอภิปรายเพื่อจะได้เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ เพราะอาจมีคนเอาไปบิดเบือนก่อนหน้านี้ รวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละเวลาทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้มีการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ใช่มุ่งเน้นแต่ไปเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพราะมันสำคัญและเกี่ยวโยงกันทั้งหมด
ทั้งป้องกัน รักษา ดูแลเยียวยา พร้อมยังให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโรคโควิด-19 ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะโครงการเราชนะ ที่จะดูแลผู้ประกอบ อาชีพ อิสระ แผงลอย เกษตรกร แท็กซี่รับจ้าง ผู้และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 30 ล้านคน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ที่อย่างน้อยก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
โดยการประชุมครม.ที่ผ่านมาได้มีการปรับหลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเอาชนะ ให้ครอบคลุมทั้งร้านธงฟ้า ร้านค้าในโครงการคนละครึ่งผู้ประกอบการของกองทุนหมู่บ้าน ผู้ประกอบการของวิสาหกิจชุมชน ที่มีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งหรือเป็นผู้ให้บริการประเภทรถที่ตรวจสอบได้โดยเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราชนะ.com ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-31 มี.ค.64 พี่อาจจะยุ่งยากในเรื่องของการลงทะเบียนผ่านโทรศัพท์แต่ทุกคนจะต้องพัฒนาตนเอง เพราะวันหน้าโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปในเรื่องของสังคมไร้เงินสด
ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้เห็นชอบในหลักการให้ช่วยเหลือผู้ประกันตนให้ครบทุกคน โดยจะมีการนำเข้าพิจารณาใน ครม. โดยเร็ว ซึ่งเบื้องต้นใช้ชื่อว่า โครงการเรารักกัน สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความเป็นหนึ่งเดียว ความสามัคคี เผื่อแผ่แบ่งปันเพื่อจะก้าวผ่านไปด้วยกันเหมือนกับเราไม่ทิ้งกันและเราชนะ โดยใช้งบเงินกู้ของรัฐบาล โดยส่วนอื่นๆได้ใช้งบกองทุนประกันสังคมไปแล้วตามกฎหมาย
นายกฯ ยันแผนฉีดวัคซีนเดือนมิ.ย.64 ยังคงเดิม คาดนำเข้า 5 หมื่นโดสฉีดให้ด่านหน้าก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผ่าน พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ถึงความคืบหน้าวัคซีนป้องกัน covid โดยย้ำว่า เดิมนั้นประเทศไทยวางแผนการฉีดวัคซีน ไว้ในเดือนมิถุนายน 2554 โดยเป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย โดยบริษัท สยามไบโอไซน์ ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี จากบริษัท Astrazeneca ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามพูดคุยเพื่อให้ได้วัคซีนเข้ามาบางส่วนก่อน คาดว่า เบื้องต้นจะได้ประมาณ 50,000 โดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ในพื้นที่เสี่ยงป็นลำดับแรกตามลำดับ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน แต่หากได้มากกว่านี้ก็จะขยายไปถึงส่วนอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ จากกรณีที่ผู้ผลิตวัคซีนบางบริษัทออกมาชี้แจง ว่าจำนวนวัคซีนที่สั่งจองจะได้ไม่ถึงครึ่ง ของจำนวนที่วางแผนไว้ ทำให้ หลายประเทศต้องรื้อแผนและอาจฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้าหมายในปีนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนตามแผนในส่วนที่เราได้จองไปแล้ว และจัดหาจากประเทศอื่นๆด้วย ที่ได้รับการรับรองจาก อย.ไทยและประเทศต้นทาง
ขณะที่การฉีดวัคซีนนั้น จะต้องอยู่ที่ความสมัครใจ ซึ่งจากสถิติการฉีดวัคซีน? 1ล้านโดส และมีการติดตามผล พบว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid 19 รายวันมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และจากการติดตามผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่ อาการไม่รุนแรง มีไข้อ่อนเพลียปวดศีรษะ และหายเองได้ภายใน 1-2 วัน โดยผลข้างเคียงรุนแรงและเสียชีวิตมีสถิติน้อยมาก ซึ่งอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคนด้วย ที่จะต้องมีการพิจารณาตรวจสอบคัดกรองให้ดี
พร้อมอยากให้ประชาชนได้คลายความกังวลในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ได้สั่งการให้จัดแผนการแจกจ่ายวัคซีนตามกลุ่มความเสี่ยง และให้จัดแผนการขนส่งในพื้นที่ห่างไกล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news