รองหัวหน้าก้าวไกลเปิดหลักฐาน หน่วยงานรัฐใช้เพกาซัส ตรวจสอบคุกคามประชาชน นำสปายแวร์มาใช้ผิดประเภท
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดหลักฐานหน่วยงานรัฐบาลยอมรับแล้วใช้เพกาซัสจริง ว่า จากการของบประมาณปี 2566 ในโครงการจัดหา ระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองขั้นสูง(สปายแวร์) วงเงิน 350 ล้านบาท โดยมีบริษัทเสนอราคา 3 ราย ซึ่งในยี่ห้อ Q CYBER มีการเสนอราคามาต่ำที่สุด โดยยี่ห้อดังกล่าวเป็นบริษัทเดียวกับยี่ห้อเพกาซัส
ซึ่งการจัดซื้อครั้งนี้ มีการของบประมาณผูกพันติดต่อกัน 5 ปีอีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่สามารถอยู่บนอุปกรณ์ของเป้าหมายโดยที่เป้าหมายไม่ทราบถึงการติดตั้งและเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้แบบไร้สาย ซึ่งสามารถรวบรวมข้อมูล รายชื่อ ไฟล์ประวัติการโทร การค้นหา รูปภาพ นัดหมาย กิจกรรมต่างๆได้เป็นอย่างน้อย สามารถเปิดไมค์เพื่อดักฟังสภาพแวดล้อมได้ สามารถสั่งการผ่านหน้าจอบนอุปกรณ์เป้าหมายได้ ถ่ายภาพผ่านกล้องบนอุปกรณ์เป้าหมายได้บอกตำแหน่งเป้าหมายด้วย GPS ตรวจสอบการโทรด้วยเสียงและโทรผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น อุปกรณ์ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวเดียวกับ และสามารถเจาะเข้าโทรศัพท์ได้10 เบอร์ ในเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอ้างว่า 4 ระบบที่ใช้อยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการทำงานจึงได้ขอซื้อเพิ่ม จากแบบเดิมที่เป้าหมายจะต้องคลิ๊กลิงค์บางอย่างเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลได้ และไม่สามารถเข้าถึงระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ได้ ดังนั้นจึงต้องการแบบใหม่ที่เป้าหมายไม่ต้องดำเนินการใดๆก็สามารถที่จะเข้าไปดึงข้อมูลได้ อีกทั้งยังเข้าสู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆได้ และสามารถพัฒนาตามแต่ละรุ่นได้
ดังนั้น นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ชี้แจงในสภาฯพยายามที่จะบิดเบือน ว่าไม่รู้จักเพกาซัสคงเป็นไปไม่ได้ ถ้ารัฐบาลมีเครื่องมีนี้ขึ้นมาที่ไม่ใช่การ ตรวจสอบประชาชน แต่เป็นการใช้งานในการอาชญากรรมพล.อ.ประยุทธ์จะอธิบายได้ง่ายมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสภาฯ นี่คือพฤติกรรมของคนที่มีพิรุธนำสปายแวร์มาใช้อย่างผิดประเภทมาใช้ในการสอดแนมประชาชน ก็เลยไม่สามารถที่จะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาหรือชี้แจงได้
อย่างไรก็ตาม สปายแวร์จะถูกขายให้กับรัฐเท่านั้นไม่ได้ขายให้เอกชน ดังนั้นขณะนี้มี 35 คนที่ถูกสอดแนมจากรัฐแน่นอน ซึ่ง 35 คนแบ่งเป็น นักกิจกรรม 24 คนนักวิชาการ 3 คน NGO 3 คน นักการเมือง 5 คน
ดังนั้น การใช้สปายแวร์นี้ รัฐบาลใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เพราะไม่ใช่มีแค่ กองปราบปรามยาเสพติดของสตช.แต่ยังมี กอ.รมน. และหน่วยข่าวกรองกองทัพบกที่ใช้ สปายแวร์นี้ด้วย ดังนั้น หน่วยงานเหล่านี้ จะออกมายอมรับหรือไม่ว่าใช้สปายแวร์อย่างผิดวัตถุประสงค์ หลังจากนี้ตนจะรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติมและจะนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยเบื้องต้นผู้ที่ถูกละเมิดทุกคนจะฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อรัฐ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews