นายกฯ เลิกพรก. ฉุกเฉิน ยังพิจารณาอยู่ ยันไม่ได้มุ่งหวังประเด็นอื่น พร้อมขอประชาชนรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้มากที่สุด ยันสถานการณ์โควิดขณะนี้รับมือได้แต่อย่าวางใจ ขอป้องกันตนเองขั้นสูงสุด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.)ครั้งที่ 11 โดยกล่าวถึงการเตรียมยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ว่า อยู่ในขั้นการพิจารณาหากสามารถลดระดับได้ก็จะลดให้ เพราะวันนี้ยังหารือกันอยู่ถึงความจำเป็นในการบูรณาการทำงานร่วมกันจองหน่วยงานต่างๆ การมีไว้ก็เพื่อสำรอง ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อประเด็นอื่น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเรื่องของ โควิด-19 เท่านั้นเหมือนอย่างวันนี้มีการบูรณาการการทำงานเรื่องของน้ำท่วม ก็ร่วมมือกันทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน พยายามเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขอให้มองในแง่ดีบ้างว่ามีแล้วจะเกิดประโยชน์ ถ้าไม่มีแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้รอดูแล้วกัน ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเข้าใจหรือไม่ และอยู่ที่สื่อมวลชนด้วยที่จะต้องช่วยกันทำความเข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุม ศบค. ว่า การประชุมศบค. มีความสำคัญทุกครั้งเพราะเป็นการรายงานให้ทราบถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดในปัจจุบัน และการเตรียมการรองรับด้านต่างๆ ซึ่งยืนยันมีแผนทั้งหมดทุกระดับทุกระดับ ทั้งวัคซีนแต่สิ่งที่เน้นย้ำ คือทำอย่างไรประชาชนจะไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ที่ส่วนใหญ่ไม่อยากฉีดวัคซีน เพราะคิดว่าตนเองปลอดภัย
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีระบุว่าวันนี้ถึงแม้ว่าเราจะปลอดภัยแต่การแพร่ระบาดยังมีอยู่ ไม่ใช่ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลงจะระมัดระวังป้องกันตนเองน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งควรจะระวังตนเองให้มากขึ้นด้วยซ้ำเพราะขณะนี้มีเชื้อกลายพันธุ์ แต่จากรายงานยังสามารถรับมือได้อยู่ หากเปรียบเทียบกับหลายหลายประเทศแต่ก็ขออย่าวางใจ เน้นย้ำให้ปฎิบัติตามมาตรการดูแลตนเองขั้นสูงสุด
พร้อมกล่าวด้วยว่า ความคืบหน้าการผลิตวัคซีนในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในระยะที่สามแล้ว พร้อมย้ำให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งในประเทศไทยมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อตามความสบายใจ เพื่อตนเองและผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงมากที่สุดขณะนี้ คือเรื่องการท่องเที่ยว การเปิดสถานประกอบการ ศูนย์การค้า ร้านค้าและร้านอาหารที่มีมากขึ้นซึ่งทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศ และหากทุกคนช่วยกันเราจะสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
