Home
|
ข่าว

นายกฯย้ำจุดยืนรบ.จริงใจ-ไม่ขัดแก้รธน.

Featured Image
นายกฯ ย้ำจุดยืนรัฐบาล จริงใจ ไม่ขัด แก้รัฐธรรมนูญ ลั่น ไม่มีสิทธิ์ไปสั่งการใครได้ ส.ส.-ส.ว.มีสติปัญญา คิดเองได้อยู่แล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรววกลาโหม กล่าวถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังวานนี้ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติ ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า หากย้อนกลับไป รัฐบาลสนับสนุน การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดซึ่งเป็นนโยบายอยู่แล้วหน้าที่ของรัฐบาล คือ การเสนอเข้าไปยังสภา จากนั้นก็เป็นขั้นตอนของสภาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไปบอกว่ารัฐบาลไม่จริงใจ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คงไม่ใช่ดังนั้นอย่าเอาไปพันกัน ที่ผ่านมารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะแก้อย่างไร ก็ไปว่ากันมา ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐสภา

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า จุดยืนรัฐบาล ก็ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่จะแก้อย่างไรก็ไปว่ากันมา จะถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง ก็ไปว่ากันมาทุกคนก็มีสติปัญญา และมีความคิดส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ ส.ว. เพราะฉะนั้นต้องหาข้อยุติกันให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องผ่านกระบวนการศาลซึ่งตนไม่มีสิทธิ์ไปสั่งการอะไรตรงนี้ได้ ซึ่งตนมีหน้าที่นำเสนอเรื่องเข้าไปยังสภาเท่านั้น

นายกฯยันพร้อมสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยเมียนมา หลัง”มิน อ่อง หล่าย” ส่งจดหมายชี้แจง 9 ประการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาส่งจดหมายส่วนตัวหา พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและนำไปสู่การรัฐประหาร โดยระบุถึงเหตุผล 9 ประการว่าทำไมการเลือกตั้งถึงไม่เป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม ว่า ได้มีการส่งจดหมายถึงตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีเนื้อหาสรุปง่ายๆคือขอให้ไทยสนับสนุนการเป็นประชาธิปไตยของเมียนมา ซึ่งตนก็สนับสนุนอยู่แล้ว แต่เรื่องการบริหาร การจัดการภายในก็เป็นเรื่องของท่าน เป็นไปตามหลักการของอาเซียนและสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ TAC ที่มีกติการมากมายตรงนี้ อย่างน้อยเราก็สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยในเมียนมา แต่สิ่งจำเป็นวันนี้คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ให้มากที่สุด เพราะมีผลต่อประชาชนโดยรวม ต่อเศรษฐกิจต่อการค้าขายชายแดนทั้งหมด ที่สำคัญยิ่งในขณะนี้

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้มีการตอบกลับจดหมายของ พล.อ. มิน อ่อง หล่าย หรือ ไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จดหมายที่ส่งมาไม่ได้ให้ตนตอบกลับเป็นการชี้แจงเฉยๆ ให้สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยของเมียนมา ซึ่งตนและประเทศไทยก็สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็สุดแล้วแต่ว่าเมียนมาจะทำอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎร โดยได้ถามว่าควรหรือไม่ ถ้าไม่ควรก็อย่าไปสนับสนุน ยังไม่เข็ดหลาบกันอีกเหรอไงประเทศไทย ซึ่งสังคม ก็ต้องช่วยกันบ้าง

 

นายกฯย้ำชะลอขึ้นค่าโดยสารBTSมองผลประโยชน์รัฐและประชาชนมาก่อน ย้ำปัญหาภาระกทม.ต้องหาวิธีการแก้ไขให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนครั้งที่ 1/2564 ว่า บรรยากาศในวันนี้ร่มเย็นสวยงามทำเนียบรัฐบาลเองก็สวยงามสง่างาม นี่คือวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเรา ตนพยายามปรับปรุงทุกอย่างให้ดีขึ้น และใกล้เคียงของเดิมให้ได้มากที่สุด เกิดประโยชน์สูงสุด ตนจึงอยากให้ทุกคนภูมิใจในความเป็นอัตลักษณ์

ส่วนการประชุม BOI ในวันนี้ เป็นการหารือในเรื่องใหม่ๆ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งเสริมสร้างดิจิทัลเข้าไปด้วยจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายกฎกติกาในการลงทุน สิทธิประโยชน์ เพราะขณะนี้เองกำลังแข่งขันกันกับประเทศอาเซียน ซึ่งจะทำอย่างไรให้ประเทศได้รับประโยชน์จากดิจิทัลมากที่สุด การทำงานวันนี้ต้องมีอนุกรรมการเข้าสู่คณะกรรมการนโยบาย ทุกอย่างต้องเคลียร์กันให้จบจากข้างล่างจึงเสนอขึ้นมาให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจ

ส่วนการชะลอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 104 บาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลมองผลประโยชน์รัฐและประชาชนมาก่อน นี่คือหลักในการดำเนินการการลงทุน แต่ภาระไม่ใช่ภาระของกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพมหานครรับภาระไหวหรือไม่ เมื่อรับไม่ไหวแล้วรัฐบาลรับภาระไหว หรือไม่ก็ต่างไม่ไหว เพราะยืดเยื้อมายาวนาน ต้องไปหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ได้ ตนตอบได้เพียงเท่านี้ วันนี้อย่างน้อยประชาชนยังไม่ได้รับผลกระทบตรงนี้ พร้อมกับระบุว่า จริงๆ แล้วเสั้นทางวงเงินรวมดูสูงแต่ต้องไปดูว่าส่วนใหญ่ประชาชนขึ้นระยะทางเท่าใด การเพิ่มสถานีควรคิดค่าโดยสารเท่าใด ขอให้เข้าใจภาระของทางกรุงเทพฯ นั้นพันกับภาระของทางรัฐบาล ถ้าไม่หาวิธีแก้ปัญหา ที่สามารถพูดคุยตกลงกันได้ปัญหาทุกอย่างก็จบ เพราะปัญหาคาราคาซังกันอยู่ พร้อมย้ำว่ารถไฟฟ้าทุกสายประโยชน์ของประชาชนต้องมาก่อนเสมอ แต่ตนเข้าใจว่าเมื่อหมดสัมปทานกิจการก็ต้องตกเป็นของรัฐบาลทั้งหมดโดยหลักการในการลงทุน

 

นายกฯ อารมณ์ดี ชวนสื่อตามดูทรงผม หลังโดนแซวแสกเปลี่ยนฝั่ง เผย เล่น Tik Tok เพิ่มช่องทางการสื่อสารทุกวัย ย้ำ ไม่สั่นหัวด้อกแด้ก

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวคิดของสำนักโฆษกสำนักนายกฯรัฐมนตรีที่ใช้ช่องทางการสื่อสารใหม่ผ่านแอพพลิเคชั่น TikTok ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ ถ่ายอวยพรประชาชนเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ว่า อยากเข้าถึงคนทุกคน ทุกระดับเพราะโลกเปลี่ยนแปลงคนก็ชอบติดตามอะไรใหม่ๆ และสิ่งที่อยู่ในความสนใจ เนื่องจาก อาการออกมาชี้แจงหรือสื่อสารอะไรตรงตรงในช่องทางโซเชียลเช่นการเขียนลงเว็บไซต์หรือใน Facebook คนมักจะเข้าถึงน้อย ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ พร้อมยืนยันว่า การใช้แอพพลิเคชั่น TikTok ของตัวเองจะไม่มีการทำหน้าด้อกแด้กๆ แบบวัยรุ่นทำ แต่อาจจะมีอย่างอื่นประกอบบ้าง เพราะเป็นนายกฯ ต้องระมัดระวัง ส่วนในแอพลิเคชั่น Podcastก็ยังคงใช้เป็นช่องทางสื่อสารเช่นเดิม เมื่อมีอะไรที่ต้องสื่อสาร เพื่อให้เป็นทางเลือกในการติดตามข่าวสารจากรัฐบาล

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้แซวนายกฯ เรื่องถึงการเปลี่ยนทรงผม ซึ่งนายกฯ ได้ตอบกลับอย่างอารมณ์ดีว่า “ไม่ต้องมายุ่งกับทรงผมการแสกผมซ้ายขวาขึ้นอยู่กับกองหนุน และใช้มือชี้ไปที่เส้นผมของตัวเอง พร้อมบอกว่า ถ้าผมฝั่งซ้ายน้อยก็ต้องปัดไปฝั่งขวา ถ้าผมทางขวาน้อย
ก็ต้องปัดไปทางซ้าย

ก่อนผู้สื่อข่าว จะถามต่อว่า ที่ผมหายไปเพราะไปช่วยราชการใช่หรือไม่ นายกฯ ขำก่อนจะตอบว่า “ใช่” และบอกให้ผู้สื่อข่าวตามไปดูตอนตนเองทำผมก่อนจะชูนิ้วโป้ง เป็นสัญลักษณ์เยี่ยมแล้วพูดคำว่า “Tank you” ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube