นายกฯ มุ่งสร้างศูนย์ธุรกิจ EEC–เมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะให้สำเร็จ ชี้ปี 2566 เปิดให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เชื่อสร้างงาน 200,000 คน ดันมูลค่าจ้างงาน 1.2 ล้านล้านบาท
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีนโยบายในการพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจ และการเงินระดับภูมิภาคในพื้นที่ EEC โดยมติคณะรัฐมนตรี (22 มี.ค.65) ได้อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. จำนวน 14,619 ไร่ ในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ดำเนินโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ เป็น “ศูนย์กลางธุรกิจและการเงินระดับภูมิภาค” เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต โดยธรรมชาติ มนุษย์ และเทคโนโลยีอยู่ร่วมกันมุ่งสู่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียวเป็นพื้นที่แห่งนวัตกรรมและคุณภาพชีวิตระดับสากลของประเทศไทยและจะเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลกในปี 2580 โดยคาดว่าสามารถสร้างงานทางตรง 200,000 คน มูลค่าการจ้างงาน 1.2 ล้านล้านบาทภายในปี 2575
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลโดย พล.อ. ประยุทธ์ ได้ออกแบบวางโครงการดังกล่าวไว้ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ทั้ง 7 ด้าน คือ Smart Economy (เศรษฐกิจอัจฉริยะ), Smart Living (การดำรงชีวิตอัจฉริยะ), Smart People (พลเมืองอัจฉริยะ), Smart Governance (การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ), Smart Energy (พลังงานอัจฉริยะ), Smart Environment (สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ) และSmart Mobility (การสัญจรอัจฉริยะ) แบ่งประเภทตามลักษณะการใช้งานและใช้ประโยชน์ออกเป็น 2 โซนคือ
โซนที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม 70% กับโซนสีเขียว 30% หน่วยงานราชการในพื้นที่ สำนักงานใหญ่ของภาคเอกชน ศูนย์กลางการเงิน ศูนย์การแพทย์แม่นยำ ศูนย์วิจัยนานาชาติ ศูนย์ธุรกิจอนาคตซึ่งเกี่ยวข้องกับ EEC เป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาเมืองใหม่ของไทยทั่วประเทศ โดยตั้งอยู่บนทำเลที่ยอดเยี่ยมจากสนามบินอู่ตะเภา เพียง 15 กิโลเมตร จากพัทยา 10 กิโลเมตร และจากกรุงเทพมหานคร 160 กิโลเมตร
ทั้งนี้น.ส.ทิพานัน ระบุว่า ปัจจุบันปี65 อยู่ระหว่างการจัดเตรียมพื้นที่ และภายในปี 66 เปิดให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ส่วนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคจะเปิดให้เข้ามาพัฒนาในปี 2567 เพื่อรองรับประชากรได้ 300,000 คน และประมาณการว่าจะมีประชากรเข้ามาอาศัยเพิ่มมากกว่า 1.5 ล้านคนในอนาคต คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP ได้กว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะนำมาสู่การสร้างรายได้ และการจ้างงาน ถือเป็นการวางรากฐานให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews