Home
|
เศรษฐกิจ

รัฐบาลพร้อมส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ

Featured Image
รัฐบาลพร้อมส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ด้วยการยกเว้นการเก็บภาษี Capital Gains Tax เป็นเวลา 10 ปี ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

 

 

 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีนโยบายที่จะส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup)

 

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้วในเรื่องมาตรการยกเว้นภาษี หรือ Capital Gain Tax เป็นเวลา 10 ปี แก่นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ภายใต้ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 5 อุตสาหกรรม S-Curve ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ

 

อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร และ 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร รวม 2 อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมาคือ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา

 

ผ่าน Venture Capital โดยต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 24 เดือน เพื่อเสริมสร้างการลงทุนและการจ้างงานภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยขณะนี้พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 750) พ.ศ. 2565 (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 2565

 

ซึ่งการออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษี Capital Gain Tax จะทำให้การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะไม่ต้องเสียภาษีเหมือนในอดีต ที่นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ลงทุนในบริษัท ห้างหุ้นส่วนต่าง ๆ เมื่อมีการขายหุ้นแล้วหุ้นมีกำไรก็ต้องมีการเสียภาษี Capital Gain 15% ทำให้หนีไปลงทุนที่ต่างประเทศแทน อีกทั้งการออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษี Capital Gain Tax ยังส่งผลดีต่อสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ซึ่งนักลงทุนก็จะมาตั้งกองทุนที่เรียกว่า Venture Capital หรือ VC

 

เป็นธุรกิจร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทางด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งจะเป็นธุรกิจสำคัญที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เติบโต และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในประเทศไทยด้วย

 

นายอนุชาฯ กล่าวด้วยว่า มาตรการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax เป็นการบูณาการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้สตาร์ทอัพไทยสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น เสริมสร้างการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

“จากการประเมินของสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่ามาตรการ Capital Gains Tax จะกระตุ้นทำให้ไทยมีเงินลงทุนในสตาร์ทอัพภายในปี 2569 เพิ่มขึ้นกว่า 320,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้นมากกว่า 400,000 ตำแหน่ง รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจประเทศ คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 790,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube