Home
|
ข่าว

ปชป.เสวนาถอดบทเรียนน้ำท่วมซ้ำซาก

Featured Image
ปชป.จัดเสวนาถอดบทเรียนปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก สุชัชวีร์ มองน้ำท่วมปีนี้หนักกว่าปี 54 และหนักเพิ่มทุกปี ชี้ กทม.เหมือนใช้หลอดยาคูลท์นำน้ำออกจากพื้นที่
เสนอทำแก้มลิงใต้ดินเก็บน้ำรอระบาย บอกกทม.ต้องเปลี่ยนปั๊มดีเซลเป็นปั๊มไฟฟ้า

 

 

พรรคประชาธิปัตย์จัดเสวนาพิเศษถอดบทเรียนปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก นำโดยนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกทม. พรรคประชาธิปัตย์
และอดีตนายกสภาวิศวกร, นายสกุล ห่อวโนทยาน กรรมการจรรยาบรรณสภาวิศวกร และนายพลพัฒน์ นิลอุบล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี ร่วมการเสวนา

 

 

โดยนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วมต้องคิดด้วยกระบวนการที่ทันสมัย ตนอยู่ลาดกระบังมา 20 ปี น้ำไม่เคยท่วม แต่ปีนี้น้ำท่วมจมอยู่ 2 สัปดาห์
ซึ่งอันดับแรกสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้น้ำฝนจะหนักกว่าปี 2554 และสถานการณ์จะแย่ขึ้นทุกปี

 

โดยระเบียบวิธีแบบเดิม คือการลอกท่อ ลอกคลองสามารถช่วยได้ แต่ช่วยได้เพียงเล็กน้อย ตอนนี้กทม.เหมือนใช้หลอดยาคูลในการนำน้ำออกจากพื้นที่ซึ่งยาก หากสถานการณ์จริงถ้าคิดแนวทางเดิมไม่เปลี่ยนแนวทางก็จะจมเหมือนเดิม

 

พรรคประชาธิปัตย์ต้องการปฏิรูปการบริหารน้ำยกเครื่อง ตรงนี้ต้องเริ่มคิดเชิงระบบทั้งกทม.และปริมณฑล คนที่ควรได้รับการยกมือไหว้คือคนพระนครศรีอยุธยา
ซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องจมน้ำกว่า 2 เดือนเพราะจะต้องกักน้ำไว้

 

หากปล่อยมา กทม.และปริมณฑลจะไม่เหลือ โดยพรรคประชาธิปัตย์คิดถึงพื้นที่กทม. และจังหวัดใกล้เคียงทั้งจังหวัดปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา เพราะไม่อย่างนั้นจะแก้ปัญหาเชิงระบบได้ บางครั้งตนรู้สึกเสียใจ ที่มีการนำวิธีการต่างประเทศที่ทำได้ กทม.จำเป็นต้องมีแก้มลิงใต้ดินเพื่อรองรับน้ำฝน

 

ด้านนายสกุล กล่าวว่า ปี 54 กับปี 65 น้ำเป็นคนละส่วน ซึ่งแบ่งเป็นน้ำเหนือ น้ำฝน และน้ำทะเล ซึ่งปี 54 เป็นน้ำเหนือ แต่ปี 65 เป็นน้ำฝนที่ตกลงมา
โดยตอนนี้มีปัญหาโลกร้อนเร็วขึ้นจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่วนพื้นที่แจ้งวัฒนะที่มีคลองเปรมประชากร หากฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำเจิ่งนองรอการระบาย จึงทำให้น้ำท่วมขึ้นมา หากเรามีที่เก็บน้ำใต้ดินก็ไม่ต้องรอการระบายมาก

 

ส่วนนายพลพัฒน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหากทม.ไม่ควรทำหรือบอกแบบเดียว ควรทำหลายทาง ซึ่งระบบผังเมืองที่มีการแก้จะต้องแก้ระดับชาติ
และต้องทำไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้เรื่องแนวทางที่ทำในอนาคตทั้งเรื่องแก้มลิงใต้ดิน หรือบ่อพักน้ำรอการระบาย ซึ่งแนวทางเฉพาะหน้าในปีนี้หรือปีหน้านั้น โดยนายสุชัชวีร์ ระบุว่า

 

ขณะนี้พื้นที่กทม.เป็นกะละมัง และปั๊มน้ำ หากไม่สามารถสอดประสานกันได้ กทม.จมแน่นอน ซึ่งกทม.ต้องบริหารจัดการปั๊มน้ำให้ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้
เครื่องปั๊มน้ำ มีจำนวน 51 เครื่องและติดเพียงแค่ 14 เครื่อง วันนี้ระบบปั๊มไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้จมแน่นอน ส่วนด้านการบริหารจัดการปั๊มน้ำ
จะต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งตนไม่ได้มองเป็นเรื่องการเมือง

 

แต่พื้นที่ กทม.ต้องเปลี่ยนปั๊มน้ำจากระบบดีเซลเป็นปั๊มน้ำไฟฟ้า ซึ่งระยะสั้นทำได้ทันที ระยะกลางเรื่องนโยบายบ่อพักน้ำรอการระบาย เช่นพื้นที่จตุจักร สุขุมวิท หลักสี่ รามคำแหง น้ำไม่สามารถลำเลียงได้ทันหากฝนตกลงมาอย่างหนัก

 

ดังนั้นจะเรียกบ่อพักน้ำรอระบาย แก้มลิง หรืออะไรก็ทำเถอะ จะได้พักน้ำตรงนั้นจะแก้ปัญหาได้ และมีราคาถูก ส่วนระยะยาวต้องย้ำว่าประเทศหรือ กทม.หากยังไม่คิดเรื่องการกั้นน้ำทะเลหนุน จะสายเกินไป ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเสนอนโยบายอนาคต และไม่ฉาบฉวย

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

 

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube