นายกรัฐมนตรี ยันเจ้าหน้าที่ดูแลชุมนุมตามกฎหมายด้วยความละมุนละม่อม ขอหยุดเคลื่อนไหวไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความกังวลต่อการชุมนุมมีการจุดกระแสเจ้าหน้าที่ทำร้ายแพทย์อาสาและอาจจะมีการเคลื่อนไหวไปที่หน้ารัฐสภาในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการควบคุมสถานการณ์เพราะเริ่มมีการยกระดับความรุนแรงมีระเบิดในพื้นที่ชุมนุม ยืนยันว่า จะให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ในการทำหน้าที่ตามกฎหมายด้วยความละมุนละม่อม ขณะเดียวกันขอฝากเตือนผู้ก่อเหตุด้วยว่าทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมถึงกล้องต่างๆ ก็ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนจึงขอให้เสนอข่าวสองทางว่ามีการปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่ด้วยและต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง และมีชิวิตจิตใจเหมือนกัน ถ้าใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปมาก็มีแต่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นและไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
ทั้งนี้ จะต้องไปพิสูจน์ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์จริงหรือไม่ โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนและอย่าฟังความข้างเดียว ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย
และที่การนัดหมายชุมนุม 17 ก.พ. และ 20 ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวชุมนุมนอกสภา นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขออย่ามีการเคลื่อนไหวในทางปลุกระดมปลุกปั่น ให้เกิดการชุมนุม ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติในเวลานี้ เพราะประเทศชาติมีปัญหาอยู่ไม่ควรเพิ่มความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน กระบวนการทำงานก็เป็นเรื่องของรัฐสภาและรัฐบาลที่ต้องชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงขอให้ประชาชนเฝ้ารอฟังที่บ้านดีกว่ามาประท้วงซึ่งไม่รู้เพื่อจุดมุ่งหมายอะไร ซึ่งหลายคนพอจะทราบอยู่แล้ว
นายกฯ กำชับหน่วยความมั่นคงดูแลเหตุชุมนุมต่อต้านรัฐประหารเมียนมาในไทย ย้ำต้องระมัดระวังทุกมิติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่ากลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านยึดอำนาจเมียนมาในไทยแฝงตัวร่วมชุมนุมในพื้นที่ปทุมวันและสนามหลวงช่วงที่ผ่านมา ได้กำชับให้หน่วยความมั่นคงดูแลเรื่องนี้อย่างไร เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในอนาคต ว่า ขอเตือนว่าให้ใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุดในฐานะมิตรประเทศและอาเซียน ต้องระมัดระวังทุกมิติและทุกประเด็นพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากร้ายแรงว่าจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด”
นายกฯ โยนสภาใช้วิจารณญาณเรื่องเกี่ยวข้องสถาบันฯในเวทีสภา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพร้อมต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) มีความกังวลกับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันกับสถาบันอย่างไร ว่า ตนคงไม่ต้องตอบ เรื่องความเกี่ยวกังวลเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ในสภา ซึ่งมันควรหรือไม่ควรก็ไปว่ากันมา เป็นเรื่องของสมาชิกและเป็นเรื่องที่สภาต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ
“บิ๊กตู่”เมิน”ทักษิณ”สอนการบ้านแก้จนเริ่มที่แก้ รธน. ย้อนเกร็ด แค่เคารพกฎหมายที่มีอยู่ให้มากที่สุดทุกอย่างก็เดินหน้าได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาแนะนำให้แก้ปัญหาความยากจนด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ก็ได้ดูไปบ้าง ถือว่าสิ่งที่กล่าวมาอาจไม่ใช่แก้จนด้วยแก้รัฐธรรมนูญเอาแค่เคารพกฎหมายที่มีอยู่ให้มากที่สุดทุกอย่างก็เดินหน้าไปได้ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ว่ากันไปในกระบวนการรัฐสภาที่มีกำหนดการและวิธีการ รวมทั้งมีกฎหมายครบถ้วนทุกประการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการต่อไป โดยย้ำว่ารัฐบาลสนับสนุนให้แก้ไขแต่จะแก้ไขอย่างไรก็สุดแล้วแต่รัฐสภาซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีการปรับและแก้ปัญหาในเรื่องการทุจริตผิดกฎหมายได้หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ขอร้องคือขอให้ทุกคนรู้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันและเข้าใจในเรื่องการแก้กฎหมายจะแก้ไปเพื่ออะไรและเพื่อใครทั้งนี้ การจะแก้อะไรก็ตามตนมีนโยบายและเจตนารมณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลการแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งวันนี้มีหลายมาตรการที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายและสนับสนุนวงเงินต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ สิ่งทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการตามข้อมูลที่มีอยู่ตามความเดือดร้อนโดยทำอย่างรัดกุม ซึ่งประชาชนอาจลำบากบ้างแต่ขอให้คุณสินในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพราะเราต้องบริหารราชการและเดินหน้าในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณและการจ่ายเงินในแนวทางใหม่ เช่น ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ ซึ่งเป็นการเดินหน้า และมีหลายประเทศก็ดำเนินการไปแล้ว เราจะไม่ปรับเปลี่ยนก็คงไม่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดทนได้เน้นย้ำว่าให้ลงถึงมือประชาชนแม้จะยากแต่ก็ต้องพยายาม
นายกฯ ย้ำวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกถึงไทยแน่ปลายก.พ.นี้ ใช้เวลา 3 วันสามารถฉีดเข็มแรกให้กับกลุ่มเสี่ยง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่าได้รับการยืนยันมาแล้วว่าวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะเดินทางมาถึงไทยในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และใช้เวลาอีก 3 วันจากนั้นก็จะสามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ให้กับกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรกตามลำดับที่จัดไว้ จากนั้นในส่วนล็อตที่สองที่จะเข้ามาจาก 800,000 โดสและ 1,000,000 โดส นั้นจะทยอยฉีดเป็นเข็มที่สองให้กับกลุ่มแรก และเข็มแรกของกลุ่มอื่นๆ ตามลำดับต่อไป
สำหรับความก้าวหน้าของการขึ้นทะเบียนวัคซีน วันนี้ทางองค์การอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนให้กับแอสต้าเซเนก้าแล้ว ของชิโนแวกกำลังดำเนินการ น่าจะทันก่อนวัคซีนล็อตแรกจะเข้ามา ส่วนที่กำลังมาขอขึ้นทะเบียนได้แก่จอนสันแอนด์จอนสัน อยู่ในขั้นตอนส่งเอกสารมาซึ่งยังไม่ครบส่วนโมเดิร์นน่า ไฟเซอร์ ได้มาพูดคุยแต่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมา
แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็พร้อมหากมีความร่วมมือกันได้ตรงนี้ เราไม่ได้ปิดกั้นใครทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเคสที่เรียกว่า อิเมอเจนซียูธ คือใช้ในสถานการฉุกเฉินเพราะมันจำเป็นที่ว่าใครจะขอนำเข้าก็ต้องมาขอ อย. และที่สำคัญที่สุดคือต้องฉีดตามแผนการฉีดวัคซีนของรัฐที่กำหนดไว้ในขั้นต้น ซึ่งอาจจะมี ภาคเอกชน ร.พ.เอกชน สั่งมาได้ ซื้อมาได้ก็ตาม แต่ต้องอยู่ในแผนการฉีดของรัฐ ซึ่งถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีรายได้สูงหรือผู้ที่ต้องการจะฉีดให้เร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในแผนการฉีดวัคซีนของรัฐต้องอยู่ในข้อกำหนดว่ากลุ่มไหน อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของทุกคน รัฐบาลมุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะเป็นผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
นายกฯ ชี้สั่งกระทรวงการคลังดูแลปชช.ลงทะเบียนเราชนะ ขอเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีประชาชนกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเดินทางไปลงทะเบียนเราชนะจนจำนวนมากที่ธนาคารกรุงไทย ว่า ตนทราบว่าการลงทะเบียน “เราชนะ” มีการเบียดเสียดยัดเยียดมากในขณะนี้ ซึ่งยังมีเวลาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาลงทะเบียนวันแรก การลงทะเบียน บางทีแน่นจนเกินไปทำให้ขีดความสามารถการดูแลตรงนี้ไม่ได้ใช้ระบบออนไลน์ หรือระบบที่เร็ว เป็นการพบปะกันทางเอกสารหลักฐานจึงใช้เวลามากพอสมควร วันหนึ่งจึงอาจทำได้ไม่มากนัก แต่ถ้าเราทยอยกันมาก็จะไมคับคั่งมีช่วงเวลากำหนดไว้แล้ว ถ้ายังไม่พอก็ขยายอีกได้ถ้ามีความจำเป็น วันนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปดูแลในเรื่องนี้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ขอให้ระวังเรื่องการใช้หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง สิ่งเหล่านี้จะคู่ขนานกับการได้รับวัคซีนมาด้วย คนที่ได้รับวัคซีนแล้วก็ยังคงต้องใส่หน้ากากจะได้รับความปลอดภัยไปเรื่อยๆ ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต้องไปพิจารณาดูว่าในระยะแรก และระยะที่สองที่มีการแพร่ระบาดเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ถ้าดูด้วยความเป็นธรรมจะเห็นว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะที่สองจะน้อยกว่ารอบแรกถ้าในระยะที่สองสามารถคุมได้ และมีการส่งเสริมเรื่องซอฟโลน มาตรการช่วยเหลือประชาชน ตนว่าหลายอย่างเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เพราะฉะนั้นหลายคนกล่าวอ้างว่าตนทำให้เศรฐกิจแย่ลง ก็ต้องดูด้วยว่าเศรษฐกิจระดับโลก ระดับภูมิภาค ประเทศรอบบ้านเราเป็นอย่างไร หลายอย่างที่เราดีกว่าเค้า เพราะฉะนั้นจึงอยู่ที่ความร่วมมือของประชาชน หน่วยราชการ รวมถึงฝ่ายการเมืองด้วย อย่าเอาปัญหานี้ทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง จะทำให้เกิดการบริหารไม่ได้ แล้วใครได้รับผลเสีย ประชาชน ประเทศชาติ เป็นที่รักของทุกคน ทุกคนอยู่อาศัยบนฝืนแผ่นดินนี้ จะทำอย่างไรให้แผ่นดินสงบ ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news