Home
|
ข่าว

ครม. มีมติเห็นชอบร่างแนวทางอาเซียน

Featured Image
ครม. มีมติเห็นชอบร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการให้คำปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ-ร่างแผนงานคณะกรรมการตรวจแรงงานอาเซียน พ.ศ.65-73

 

 

น.ส. ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการให้คำปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ และร่างแผนงานคณะกรรมการตรวจแรงงานอาเซียน พ.ศ. 2565 – 2573 (ร่างแผนงานฯ) เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและแผนการดำเนินงานของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ

 

 

ทั้งนี้การตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ โดยมีหลักการสำคัญตามหลักสิทธิมนุษยชน เช่น คุ้มครองสิทธิแรงงาน ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นการกระทำโดยสมัครใจ โดยก่อนการตรวจหาเชื้อเอชไอวี

 

แรงงานจะต้องได้รับข้อมูลที่เพียงพอและให้ความยินยอม, ข้อมูลการปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีจะต้องถูกเก็บรักษาเป็นความลับ, มีการให้คำปรึกษาหลังการตรวจหาเชื้อเอชไอวีเพื่อช่วยให้แรงงานหรือครอบครัวที่กำลังมีความเสี่ยงเข้าใจและปรับตัวได้

 

 

ซึ่งสาระสำคัญจำแนกเป็น 4 ประเด็น คือ

 

การพัฒนาสมรรถนะหลักของพนักงานตรวจแรงงาน, การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการตรวจแรงงานในภาคส่วนที่เข้าถึงยาก (เช่น การเกษตร ประมง เหมืองแร่ งานบ้าน) และระบบแบบส่งต่อเพื่อป้องกันการใช้แรงงานบังคับและแรงงานเด็ก รวมถึงการตรวจแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพเพื่อการป้องกัน และแก้ไขปัญหาแรงงานบังคับและการค้ามนุษย์, การเสริมสร้างความแข็งแกร่งการตรวจแรงงานนอกระบบและ SMEs และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการตรวจแรงงานของการทำงานในอนาคต รวมถึงการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล

 

ทั้งนี้ยังมี กลไกการดำเนินงานในการให้คำปรึกษาและตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ สร้างการรับรู้ ให้คำปรึกษาและตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีโดยสมัครใจของแรงงาน ประเมินความเสี่ยงทางพฤติกรรมและอาชีพ ซึ่งหากพบว่าผลตรวจเป็นผู้ติดเชื้อก็จะมีการให้คำปรึกษาหลังการตรวจ ไม่ให้เกิดการต่อต้านการและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และเพื่อให้แรงงานได้รับการรักษา เช่น การใช้ยาต้านไวรัส นอกจากนี้ยังมีการตรวจซ้ำอย่างน้อยปีละครั้งในกลุ่มเสี่ยงด้วย

 

ทั้งนี้น.ส. ทิพานัน ระบุว่า มีการอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในหนังสือถึงสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อรับรองร่างเอกสารทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการยุติปัญหาโรคเอดส์ได้ภายในค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและแผนการดำเนินงานของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ

 

 

ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือในระยะยาวและยั่งยืน รูปแบบการดำเนินความร่วมมือจะประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จ ความก้าวหน้าและแผนการพัฒนาการแลกเปลี่ยนการเยือน การประชุม และการหารือ

 

รวมถึงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและผู้แทนที่เกี่ยวข้อง จะมีการดำเนินโครงการ ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และมีการอำนวยความสะดวกกับธุรกิจ Start-ups ด้านไอซีที และเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้จะมีการจัดนิทรรศการ โครงการฝึกอบรม ประชุมเชิงปฏิบัติการ สัมมนา และรูปแบบความร่วมมืออื่นๆ ตามที่ตกลงร่วมกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube