นายกรัฐมนตรี โต้ “เจ๊ดาวแดง”ปมบ้านพักทหาร-ความผิดเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี ลั่นเป็นผู้นำไม่รับผลประโยชน์
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีอาศัยอยู่บ้านพักทหาร ว่า นายกรัฐมนตรี ใช้บ้านพักทหาร และงบประมาณกองทัพเป็นเซฟเฮาส์ส่วนตัว โดยนำคำสารภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งถือเป็นใบเสร็จที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องมีข้อโต้แย้งใดๆ และยังมีความผิดกรณีรับผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต.(ป.ป.ช.)
นอกจากนี้ นายกฯ ยังมีความผิดเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี โดยตั้งแต่ปี 2557-2563 นายกฯยื่นภาษีทั้งหมด 6 ครั้ง แต่ไม่มีการนำผลประโยชน์ จากการได้ประโยชน์จากกองทัพทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลรักษาบ้านทั้งหมด ไปคำนวนเพื่อยื่นภาษี ภงด. 90 รวม 6 เดือน จึงขอท้าให้นายกฯ นำเอกสารการเสียภาษี ภงด.90 มาแสดงต่อที่ประชุมสภาฯ พร้อมสรุปว่านายกฯ กระทำผิด 4 กระทง มีโทษจำคุก 228 ปี
จากนั้น นางอมรัตน์ ได้กล่าวเสียดสีนายกฯ หลายครั้ง จน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วง ว่า อภิปรายวนเวียนซ้ำซาก หลังจากที่รัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว และผูกพันทุกหน่วยงาน จนประธานที่ประชุมได้ขอให้นางอมรรัตน์ ถอนคำพูดในที่สุด
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงต่อการอภิปรายของ นางอรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล กรณี พักบ้านหลวง โดยระบุว่า การฟังการอภิปรายไม่ต่างจากที่ได้ฟังการอภิปรายมา ซึ่งก็มีคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขององค์กรตรวจสอบการทุจริต ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ ตนคงไม่ขอลงรายละเอียดตรงนี้ ทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญตนต้องขอขอบคุณนางอมรัตน์ ที่สังเกตจะเห็นว่าตนผอมลง หรือ สูงขึ้น คงเพราะห่วงใยตนอยู่เหมือนกัน พร้อมขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะ นางอมรัตน์ ว่า “ตัวท่านก็เตี้ยลงทุกวันๆ เพราะหลบอยู่หลังม็อบทุกวันๆ อยู่เหมือนกัน” ก่อนจะกล่าวขอบคุณและยิ้มเล็กน้อย ฃและมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจง โดย นายวิษณุระบุว่า กรณีนี้ศาลได้พิจารณาและให้ความเห็นแล้ว ว่า นายกรัฐมนตรี สามารถอาศัยบ้านพักหลวงได้ เนื่องจากเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ
“สมคิด” ขอ นายกฯดูเรื่องแต่งตั้งตำรวจให้เป็นธรรมเอาจริงเรื่องบ่อน
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า สนามมวยเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดระบาดโควิด รวมไปถึงบ่อนที่หน่วยงานรัฐไม่เคยรู้ แต่คนขับแท็กซี่รู้หมด อยู่ตรงไหน แม้แต่วินมอไซค์ก็รู้ มีแต่ตำรวจในพื้นที่ไม่รู้ เสรี ก็พูดถึงบ่อน จับใครได้บ้าง จับแพะได้1คน โยกย้ายตำรวจไม่มี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นิ่งเฉย
สาเหตุบ่อนมาจากการโยกย้ายตำรวจ เรื่องแต่งตั้งตำตรวจ หรือการซื้อขายตำแหน่งกัน ส่วนเรื่องด่านตำรวจ จาก 100 เหลือ 10 ด่าน นายกฯ แต่งตั้งตำรวจทุกคนไหนการทำงานไม่มีการประสานกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ ด่านพระราม 3 ถ้านายกฯ จัดการเรื่องบ่อนจริงจัง ตนคงไม่ลุกขึ้นพูด เรื่องบ่อนไม่ใช่แก้ไม่ได้ อยากให้นายกรัฐมนตรี ดูเรื่องการแต่งตั้งตำรวจให้เป็นธรรม ซึ่งถ้ารัฐบาลไหนเอาจริง บ่อนก็น้อยลงอย่างแน่นอน
ส่วนประเด็นยาเสพติด มีการจับกุมยาไอซ์ 1,500 กระสอบ 1,500 กิโลกรัม มีพยานซักทอด 8-9 คน หนึ่งในนั้น มียศพันเอกที่เป็นทหาร และยศพันตำรวจเอก ซึ่งเป็นตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะปฏิรูปตำรวจ ทหารไม่ได้ ถ้าผู้นำประเทศไม่ดำเนินการ ด้านบ่อนไก่ กระทรวงมหาดไทย ต้องรับผิดชอบ แต่น่าแปลกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่รู้ แต่คนในหมู่บ้านรู้หมด นายกรัฐมนตรี ไม่มีฝีมือในการจัดการเรื่องพวกนี้ 1 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ไม่ทำอะไรเลย
นายกฯ ลั่น ตราบใดที่ยังเป็นผู้นำรัฐบาลจะไม่รับผลประโยชน์ วอนสื่อช่วยเตือนสังคมไม่เล่นการพนัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจง กรณีนายสมคิด คงเชื้อ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กรณีกล่าวหาปล่อยประละเลยให้มีบ่อนการพนัน ว่ารัฐบาลมีนโยบายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอบายมุข ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญ ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย ได้เพิ่มมาตรการและความเข้มข้นขึ้น กำกับดูแลไม่ให้มีการเล่นการพนันในทุกพื้นที่
โดยวันนี้ต้องใช้มาตรการกำชับให้เข้มงวดในส่วนของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สนามมวย ก็มีการสอบสวน ซึ่งเป็นช่วงต้นของการแพร่ระบาดโดยสิ่งที่ทำให้เกิดแนวปฏิบัติขึ้นมามากมายและมีมาตรการต่อไป ซึ่งก็โชคดีที่สามารถควบคุมไว้ได้
ทั้งนี้ ก็มีการรายงานการลงโทษทุกเดือนในการประชุมคณะกรรมการตำรวจ ส่วนกรณีบ่อนพระราม 3 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 22 ราย บางคดีศาลยุติธรรมได้พิพากษาไปแล้วแต่บางคดีก็อยู่ในขั้นตอนของอัยการ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายสมคิด อภิปรายมาก็ถือว่าเป็นประโยชน์ท และจะรับไปดำเนินการต่อไป แต่คงไม่ใช่ว่าตนไม่เอาใจใส่หรือปล่อยปละละเลย ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย พร้อมกับฝากสื่อ ซึ่งอยู่ใกล้กับประชาชนมากที่สุด ให้บอกประชาชนอย่าเล่นการพนัน อย่าบอกว่าไม่มีรายได้และต้องมาเล่นการพนัน หากยิ่งพูดอย่างนี้ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้นพร้อมย้ำว่าตราบใดที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล จะไม่มีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ มันจบตรงนั้นแล้ว แต่ต้องดำเนินการให้ทุกคนเป็นไปตามที่ต้องการคือไม่รับผลประโยชน์
“ศุภชัย” ย้ำ กระทรวงคมนาคม ไม่นิ่งนอนใจค่าโง่โฮปเวลล์ เร่งดำเนินการ 3 ส่วน
นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมปลัดและทีมงานกระทรวงคมนาคม ชี้แจงหลังที่ประชุมสภาฯ มีการพาดพิงประเด็นอายุความคดีโฮปเวลล์ โดยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เผยว่า หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อเดือน เม.ย.ปี 62 ให้กระทรวงคมนาคม ชดใช้ค่าเสียหายคดีโฮปเวลล์ ตามคำพิพากษาอนุญาโตตุลาการ กระทรวงคมนาคม มีขั้นตอนดำเนินการอย่างรอบและยึดหลักประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำทุกอย่างโดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย การต่อสู้คดีที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้วินิจฉัยว่ามติที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ส่วนการดำเนินคดีอาญา รฟท. มอบอำนาจให้ทนายความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอในการดำเนินคดีอาญา แต่ดีเอสไอแจ้งว่าอยู่นอกขอบเขตอำนาจ จึงส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อ ขณะที่การหาคนทำผิดละเมิดนั้นกระทรวงคมนาคม ทำหนังสือเสนอ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 63 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ความรับผิดละเมิดจากเรื่องดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ นายนิรุฒ ระบุว่า ที่ฝ่ายค้านระบุว่าคดีความใกล้หมดอายุความนั้น ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่เจอผู้กระทำผิด อายุความจึงยังไม่ได้นับตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 จึงยังไม่ได้จ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว
“สงคราม” ลั่น “บิ๊กตู่” ไม่เหมาะเป็นนายกฯ ชี้ถ้ายังอยู่ต่อประเทศจะยิ่งเสียหาย
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ว่าไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี 1. สมคบฝ่ายการเมืองที่เสียผลประโยนช์ 2. สมคบกับนักธุรกิจที่ทำสัมปทาน เอารัดเอาเปรียบ 3. สมคบพวกสื่อที่อิงอำนาจ และตอบแทนผลประโยชน์ 4.สมคบฝ่ายตุลาการบางคน การประชุมลับในเซฟเฮ้าส์ เอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นเพราะบางคนสมประโยชน์กับไม่สมประโยชน์ การตรวจสอบไม่ยาก
ข้ออ้างที่เข้ามาเพื่อมาดูแลความมั่นคงของประเทศ ดูมา7-8ปี มันมากเกินไปแล้ว ต้นทุนของประเทศที่เสียหายมากสุด ทุนผูกขาดแข็งแรงสมประโยชน์ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ เขารู้กันหมดแต่ตรวจสอบไม่ได้ บริหารบ้านเมือง 30 ล้านล้านบาท ถ้าเอาเงิน 30 ล้านบาท มาวางพื้นที่ในสภาฯ คงไม่พอให้เก็บ สิ่งต่างๆติดลบโชคดีมีโควิด-19 มาช่วยกับจำนวนหนี้สิน แต่คนยังติดใจว่านายกฯยังทำท่าทีเพิกเฉย ซื้อเรือดำน้ำ ซื้ออาวุธสงคราม ป้ายหน้าทหารเป็นหินแกรนิตใหม่หมด ถ้าเป็นรัฐบาลในอดีต เขาจะชะลอการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่นายกฯ กลับเพิกเฉย ดัชนีทุกตัว โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำ เกิดช่องว่างคนรวยคนจน
อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร ถ้านายกประยุทธ์ ยังอยู่ คือ 1.รัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ 2. จะเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ แย่กว่ารัสเซีย ถ้านายกฯยังคงบริหารประเทศ ประเทศจะเสียหาย เราต้องช่วยกันโหวตมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
นายกฯตอก”สงคราม” ปมปรับทัศนคติค่ายทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ ถึงการเชิญนักการเมืองเข้าไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ว่าเป็นการอภิปรายย้อนกลับไปกลับมาก็ไม่พ้นเรื่องเดิมๆ พูดเหมือนครั้งที่ผ่านมาทั้งหมด แต่ตนก็จำได้ว่า ได้ตรวจสอบไปยังกองทัพในปี 2557 ทราบว่านายสงคราม อยู่ในพื้นที่ควบคุมและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีพิเศษ เพื่อให้หยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 ทั้งการเผาบ้านเผาเมือง ใช้M79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัด ตนไม่อยากกลับย้อนหลังอีก
พร้อมบระบุว่า ครั้งที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมปี 2557 ได้ให้ปล่อยนายสงคราม กลับบ้าน แต่นายสงคราม ขออยู่ต่ออีก ซึ่งไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร มีใครมาทวงหนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน พร้อมกล่าวว่า หากย้อนกลับไปได้ ก็จะดูแลนายสงคราม เป็นพิเศษ และขอให้เลิกพูดได้แล้วเรื่องสมัยนู้นสมัยนี้ได้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงถึงเรื่องการนำเข้าเครื่องในหมูว่าไม่เคยรับปากกับใคร เพราะรู้ว่าประชาชนจะเดือดร้อน และเข้าใจถึงความเดือดร้อนของภาคเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู จึงขออย่านำเรื่องนี้มาพูดโดยไม่มีหลักฐาน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news