“สุชาติ” ยันไม่ปล่อยปละแรงงานต่างด้าว นำคนนอกระบบเข้าสู่ระบบทั้งหมดเพื่อคุมโควิด ยันโครงการ ม.33เรารักกัน ไม่ใช่เงินกองทุนประกันสังคม
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีการปล่อยปละละเลยไม่ดูแลแรงงานต่างด้าว ว่า ตนได้ถกปัญหาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หากบุกจับก็เหมือนฝีที่จะแตก ต้องให้อยู่กับที่ จึงต้องเสนอเข้าครม.นำคนนอกระบบเข้าสู่ระบบ หากไม่ควบคุมแรงงานให้อยู่กับที่ ก็จะมีการนำแรงงานออกจากพื้นที่เนื่องจากกลัวความผิด
ทั้งนี้นายสุชาติ ได้ชี้แจงในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่น ว่า ตนมีเพื่อนทุกพรรค และไม่อยากพูดในสิ่งที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวหาตนไม่อยากให้เอาเรื่องความจงรักภักดี ของคนไทยทั้งชาติ หรือความจงรักภักดีของประชาชนชาวชลบุรี ซึ่งตนเป็นผู้แทนชาวชลบุรี ไม่ควรเอามาอภิปรายในเวทีแห่งนี้ ถ้าตนจะพูดหรือไม่พูดออกไปในสิ่งที่เห็นแต่เหรียญด้านเดียวคงไม่ได้
ระหว่างนั้นนายสุชาติ ได้เปิดคลิปวิดีโอ ที่ระบุว่าเป็นคลิปที่ไม่มีใครอยากเห็นซึ่งเป็นเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างม็อบราษฎร และม็อบเสื้อเหลือง ซึ่งระหว่างนั้นนายศุภชัย โพธิ์สุ ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ถามกับนายสุชาติ ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ได้สุชาติ ได้พยายามอธิบายว่าไม่ได้เป็นผู้มาทะเลาะ แต่อยู่ในที่ตั้ง ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใครทั้งสิ้น และเคารพสิทธิ์ทุกคน จึงอยากให้ทุกคนเคารพสิทธิ์ ไม่อยากให้พูดเรื่องเหล่านี้ในสภา ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องแก้ข้อกล่าวหา ตนขอพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่มีความคิดให้คนไทยมาทะเลาะกัน แต่ไม่อยากให้ก้าวล่วงในสิ่งที่คนไทยรัก
“สุชาติ” ยันโครงการม.33เรารักกันไม่ใช่เงินกองทุนประกันสังคม
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงข้อสงสัยการอภิปรายเรื่องกองทุนประกันสังคม ว่า แม้ตนจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่นานแต่ทราบถึงปัญหาเงินกองทุนประกันสังคมทุกรัฐบาลได้ติดคงไว้เป็นแสนล้าน มีรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงรัฐบาลเดียวที่คืนให้สมทบปีละกว่า 40,000 ล้าน ขณะนี้เงินกองทุนที่รัฐบาลที่ผ่านมาค้างอยู่ 1.6 หมื่นล้าน
ทั้งนี้ นายสุชาติ ยอมรับว่าได้ใช้เงินประกันสังคมในการช่วยเหลือเยียวยา แต่หากไม่ช่วยเหลือเยียวยา แล้วใครจะช่วยเหลือ จะนำเงินรัฐบาลในวันนั้นมาช่วยก็ไม่มีเงินกู้ สาเหตุการว่างงานครั้งที่ 1 ซึ่งรัฐบาลได้จ่ายเงินช่วยเหลือ หลังรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ คนละ 5,000 บาท จำนวน 3 เดือน ทางประกันสังคมได้มีการช่วยเหลือเยียวยาเหตุสุดวิสัย 50% ทุกเหตุการณ์ แต่ที่จำเป็นต้องปรับมาเป็น 62% เนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 313 บาท โดยจะได้รับเงิน 5,043 บาทเป็นขั้นต่ำ พร้อมกับระบุว่าหากให้นายจ้าง หรือลูกจ้างส่งเงินสมทบเต็ม ก็จะทำให้มีความเดือดร้อน ซึ่งเงินเหล่านี้จะถูกส่งเข้าในระบบรากหญ้า
ส่วนการชดเชยผู้ประกันตนในมาตร 33 ที่ได้รับผลกระทบ กว่า 11 ล้านคน ตนทราบว่าหากโครงการเราชนะออกมา หากไม่มีโครงการม.33 เรารักกันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจต่อว่าตนมากกว่านี้ แต่ตนยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ใช่โครงการเงินกองทุนประกันสังคม แต่เป็นเงินกู้
“อาคม” แจงปมเยียวยา คลังจ่อเพิ่มจุดบริการผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน 22 ก.พ.นี้ ย้ำไม่จ่ายเงินสดเพื่อลดการสัมผัส
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจง ว่า มาตรการเยียวยาของประชาชนจากโควิด-19 มี 2 ระยะ โดยในปี 2563 โครงการเราไม่ทิ้งกัน พอเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงการคลังบรรเทาความเดือดร้อน
โดยใช้งบเกินครึ่งของเงินกู้ 1 ล้านล้าน มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ ซึ่งก็มีเกณฑ์กำหนดว่าบุคคลใดควรได้รับเงินเยียวยาหรือไม่ได้รับเงินเยียวยา โดยมีเกณฑ์คัดกรอง 5 ประการ
โดยวันจันทร์ที่ 22 ก.พ.นี้ จะเพิ่มจุดให้บริการ สำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ให้ใช้บัตรประชาชนมาลงทะเบียน และเวลาซื้อของก็ให้ใช้บัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งมีประเด็นคำถามว่าทำไมรัฐไม่จ่ายเงินสด ก็เพื่อต้องการลดการสัมผัส ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การกระจายเม็ดเงินในแต่ละสัปดาห์ เป็นหลักการบรรเทาความเดือดร้อนค่าครองชีพในแต่ละวัน รวมถึงกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยด้วย ถึงแม้ว่าโควิดระลอกใหม่เกิดขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินอยู่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news