ปชป. จัดงาน “ฟัง-คิด-ทำ” นับหนึ่งรับฟังความเห็นประชาชน ชูเป็นนโยบายหาเสียง ลุยเลือกตั้งครั้งหน้า “เฉลิมชัย” ขอโอกาสรุ่นใหม่ ให้โอกาส ยืนยัน คบได้ ลักเลงพอ-ด้าน “จุรินทร์” ย้ำ ถึงเวลาเปลี่ยนแบบมีวุฒิภาวะ อะไรไม่ดีตัดทิ้ง
พรรคประชาธิปัตย์ จัดงาน “ฟัง-คิด-ทำ” นวัตกรรมเปลี่ยนกรุงเทพฯ เพื่อ รับฟังความคิดเห็นประชาชนและนำไปเป็นนโยบาย กทม. ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นาย นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวพรรค ในฐานะ ผอ.เลือกตั้ง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ กทม. นางสาววทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม.
เริ่มจากนายสุชัชวีร์ กล่าว ขอบคุณชาว กทม. ที่ไม่เคยลืมตนเอง ไม่เคยลืมประชาธิปัตย์ ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นผู้ว่า กทม. แต่ไม่เคยลืม และยังคงยึดมั่น อุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมั่นใจว่าต่อจากนี้ไป จะเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน พร้อมยอมรับว่า หลังจากนี้ไปเป็นงานที่ยากและท้าทาย เพราะโลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยนเศรษฐกิจเปลี่ยนความคิดของคนก็เปลี่ยน
ด้านนางสาววทันยา กล่าวว่า ข้อมูล Social Listen พบว่าประชาชนกำลังเผชิญกับปัญหาปากท้องและต้องการให้มีการแก้ไขเป็นอับดับแรก และยังมีปัญหาน้ำท่วม การจราจร การพนัน และยาเสพติด ที่อยู่คู่คนกรุงเทพฯ มาช้านาน จนต้องหาทางปรับตัว เพื่อเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง เพราะปัญหามันไม่เคยถูกรับฟังจากคนในพื้นที่และมีการแก้ไขอย่างตรงจุด
จึงเป็นที่มาของนโยบาย ฟัง คิด ทำ เพื่อ การรับฝาก เสียงจากเจ้าของปัญหาเพื่อนำมาเป็นนโยบายแก้ไขอย่างตรงจุด เนื่องจากการฟังจะช่วยลดความขัดแย้งในสังคม ลดความขัดแย้งระหว่างช่วงวัย เพราะทุกความเห็นต่างจะนำมาสู่ทางการเปลี่ยนแปลงและทางออกใหม่ๆ แต่ไม่ใช่ความเห็นต่างที่ไม่มีผู้ฟังและทำให้ประเทศเสียโอกาส
ขณะนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากให้มองเพียงพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ 76 ปี แต่อยากให้ประชาชนมองพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่เป็นความหวังของประชาชน ซึ่งจากที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคฯ เมื่อปี 2554 กับปัจจุบัน พรรคฯ มีการเปลี่ยนแปลง เป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้ พร้อมเล่าถึงการพูดคุยกับเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ว่า
ขอให้ฟังสิ่งที่ประชาธิปัตย์เป็น กับสิ่งที่คิด ประชาธิปัตย์ ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง จึงจะกลับมาเป็นวสถาบันการเมืองที่ภาคภูมิ ไม่ใช่นำความเก่าแก่มาเป็นตัวตั้ง และสื่อให้ประชาชน ให้โอกาสพรรคฯ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะต้องคู่กับโอกาสของทุกคนในพรรคฯ และนอกพรรคฯ และประชาชน ต้องมีความคาดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ และวันนี้ สิ่งที่ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ คือความซื่อสัตย์สุจริต ที่ไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารต้องยึดถือ
แต่ถ้าพรคไม่กล้าเปลี่ยนแปลงไม่ว่าอีก 100 ปี ก็ไม่มีคุณค่า จึงขอโอกาสเด็กรุ่นใหม่ ให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนแปลง และขอให้มั่นใจพรรคประชาธิปัตย์คบหาได้ เดินไปด้วยกันโดยไม่ต้องกลัวโดนเสียบหลัง เพราะตนเป็นนักเลงพอ และตนพร้อมที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่พรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นสถาบันทางการเมืองของประเทศ
ส่วนนายจุรินทร์ ย้ำว่า วันนี้ ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยน แต่เปลี่ยนอย่างวุฒิภาวะ อะไรดีพรรคประชาธิปัตย์ต้องรักษาไว้อะไรที่ไม่ดีต้องเปลี่ยน โดยเฉพาะอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ 3 ข้อจะต้องไม่เปลี่ยน คือ
1. อุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. อุดมการณ์ที่จะทำหน้าที่เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศและส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว
3. อุดมการณ์ แห่งความซื่อสัตย์สุจริตที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีวันเปลี่ยน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews