“อภิสิทธิ์”ไม่อยากคาดเดาคำวินิจฉัยกฎหมายลูกของ ศาล รธน. ชี้จะราบรื่นที่สุดหากไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ขณะ “สมชัย”แนะนายกฯหากไม่ผ่านต้องรีบคุย กกต.หาทางออก
สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ มูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ประเทศไทย จัดโครงการพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมและการสื่อสารทางการเมือง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสถาบันนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นการเสวนาในเรื่อง “กติกาเลือกตั้งใหม่..ใครได้ประโยชน์” โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตโฆษกคณะกรรมาธิการ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และรศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้
โดยในเวทีดังกล่าว มีหัวข้อการพูดคุยถึงผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
เริ่มจาก นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไม่อยากคาดเดา เพราะเนื้อหาในร่างกฎหมายนี้ มีทั้งส่วนที่ขัดและไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่หากจะราบรื่นที่สุด คือ ชี้ว่าไม่ขัดแล้วเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แต่คำวินิจฉัยต้องมีความชัดเจน เพราะหลายเรื่องที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีการถกเถียงมาตั้งแต่ต้น เช่น การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก่อนร่างฯ ต้องมีโจทย์ว่าจะแก้ปัญหาอะไร ยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญ 2540
ถูกออกแบบมาให้พรรคการเมืองกับรัฐบาลเข้มแข็ง ส่วนปี 2550 ให้มีองค์กรอิสระควบคุม แต่ปี 2560 ตั้งใจให้พรรคการเมืองเป็นเบี้ยหัวแตก และการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อบิดเบี้ยว ทางแก้ปัญหา คือ ต้องให้ ส.ส.ในสภาฯ ยืดหยุ่น และการคำนวณต้องเที่ยงตรง อย่างไรก็ตามแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่า ร่างดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่เห็นด้วยให้ใช้ทางออกด้วยการให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.เพื่อแก้ปัญหา เพราะอำนาจการออกกติกานี้ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบริหารเป็นผู้กำหนด
เช่นเดียวกับ รศ.เจษฏ์ มองว่า การปรับแต่งระบบเลือกตั้ง ต้องคิดว่าจะเอาอะไร และต้องคิดให้อย่างรอบคอบว่า ตอบสนองอะไร เพราะเมื่อเริ่มแบบนี้ จะทำให้เห็นภาพ และถ้าเห็นว่าร่างนั้นไม่สมบูรณ์ สภาฯต้องมีหน้าที่แก้ไข แต่ที่ผ่านมาสภาฯกลับไม่แก้ไข
จนเกิดปัญหา คือ วาระแรกเอาสูตรหาร 100 วาระสองเอาสูตรหาร 500 และวาระ 3 ตัดสินใจไม่ได้ ส.ส. แต่การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญถ้าบอกว่าขัด ก็อาจจะบอกว่า ขัดรายมาตราใดบ้าง แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญเอง จะสามารถบอกได้หรือว่า เพราะรัฐธรรมนูญขัดกันเอง จึงต้องไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ
ขณะนายสมชัย มองว่า พรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ผ่านเหมือนกับร่างฯพรรคการเมือง คือ ผ่าน และดำเนินการต่อไปสู่การเลือกตั้ง หรือตัดสินเหมือนกันในเชิงเนื้อหา คือร่างฯว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นกฎหมายที่เอื้อกับพรรคเล็กและพรรคใหญ่ทำงานลำบาก ดังนั้น ร่างฯว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ก็จะตัดสินให้เอื้อพรรคเล็กและให้พรรคใหญ่ทำงานลำบากนั้น ก็คือ ไม่ผ่าน
ถ้าผ่านพรรคการเมืองขนาดใหญ่ก็จะได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแท้จริง อย่างพรรคเพื่อไทยจะได้บัญชีรายชื่ออย่างน้อย 30 คน ขึ้นไป พร้อมเสนอแนวทางให้นายกรัฐมนตรี หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ร่างฯด้วยการเลือกตั้งส.ส. ไม่ผ่าน สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ เชิญ กกต.มาหารือว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร และต้องเสนอร่างกฎหมายใหม่โดยคณะรัฐมนตรี ในทันที และเป็นหน้าที่ของสภาฯต้องเร่งพิจารณาร่างกฎหมายให้เร็วที่สุดภายใน 180 วัน แต่ถ้าสภาทำไม่เสร็จ ก็ต้องหาทางออก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews