“ปดิพัทธ์” ซัด “ณัฏฐพล” ไม่ซื่อสัตย์ ละเลยหน้าที่ไม่รับผิดชอบอนาคตครู-นักเรียน “ณัฏฐพล” แจงไม่เคยหลบหนีปัญหา พร้อมรับฟังและแก้ไข
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า นายณัฏฐพล มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอนาคตของนักเรียนไทย และรับผิดชอบดูแลครู กว่า 600,000 คน ใช้งบประมาณด้านการศึกษาปีละ มากกว่า 400,000 ล้านบาทแต่กลับใช้อำนาจไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง แลกกับการไร้ปัจจุบันและไร้อนาคตของนักเรียนและครูทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประจักษ์ว่า นายณัฏฐพล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ละเว้นและบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต
โดยการปล่อยให้งบประมาณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาถูกตัดไป 1,000 ล้านบาท ทำให้นักเรียนอย่างน้อย 200,000-300,000 คน เข้าไม่ถึงความเสมอภาคทางการศึกษา แม้จะเป็นแค่เงิน 3,000-4,000 บาทต่อปีที่ให้กับนักเรียนคนหนึ่ง แต่นั่นหมายถึงหนังสือ ชุดนักเรียน รองเท้า อุปกรณ์การเรียน และชีวิตของนักเรียนคนหนึ่ง
นายณัฎฐพล ไม่คัดค้านการเพิ่มงบให้กลาโหม และการปราบปรามการชุมนุม แต่งบประมาณเพื่อความเสมอภาคเพื่อการศึกษา กลับปล่อยให้มีการลักไก่ เปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรี นักเรียนยากจนพิเศษกว่า 300,000 คนหมดโอกาสทันที นายณัฎฐพล โยนพวกเขาทิ้งไป ไม่มีความยุติธรรมในหัวใจ ไม่มีจริยธรรมของการเป็นรัฐมนตรี ไม่มีความสามารถในการเป็นรัฐมนตรี
“ปดิพัทธ์” ระบุ คุณภาพการศึกษาประเทศไทยตกต่ำเรื่อยๆ
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าภาพรวมคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยตกต่ำลงเรื่อยๆโดยเฉพาะตั้งแต่มีการรัฐประหาร เพราะมีการครอบงำยัดเยียดเนื้อหาต่างๆ สถาปนาอำนาจนิยมในโรงเรียน ที่จากเดิมมีมากอยู่แล้วให้กลายเป็นยิ่งสาหัสมากขึ้น นักเรียนต้องอยู่ในเงามืดของเผด็จการ และเป็นเผด็จการที่เข้ามาได้และอยู่ต่อได้ทุกวันนี้ ด้วยการปูทางจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ ที่นักเรียนจากโรงเรียนขนาดใหญ่ตามหัวเมืองมากมาย ออกมาขับไล่และเป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เป็นการตื่นตัวทางการเมืองเพื่ออนาคตของประเทศที่ดีกว่านี้ เป็นการแสดงออกที่สงบ สร้างสรรค์
บทสรุปถึงตอนสิ้นปี 2563 คือ มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีอย่างน้อย 5 คนถูกตั้งข้อหาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหายุยงปลุกปั่น และอย่างน้อยหนึ่งคนถูกตั้งข้อหา 112
นอกจากนี้ มีการสำรวจว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวกว่า 9 ใน 10 คน ถูกครูทำร้ายจิตใจ ถูกล่วงละเมิดในรูปแบบอื่นๆอีกสารพัด มีตำรวจตามหรือไปหาที่บ้านมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวต่อเจ้าหน้าที่รัฐโดยครูในโรงเรียน มีถึงขั้นสั่งพักการเรียนและไล่ออกด้วย พอเกิดเรื่องมากๆเข้า มีครูบางส่วนข่มขู่ว่านักเรียนที่ชูสามนิ้ว ผูกโบว์ขาวจะถูกไล่ออก
การกระทำเหล่านี้แปลความได้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาคนนี้ ไร้น้ำยา ไร้อำนาจในการปกป้องนักเรียนจากการคุกคาม หรือจริงๆแล้ว รัฐมนตรีคือคนที่ปากว่าตาขยิบเพราะตัวเองก็มาจากกระบวนการของการรัฐประหาร จึงทำลายระบอบประชาธิปไตย ทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของนักเรียน ตอกย้ำชัดเจนว่าตัวรัฐมนตรีเป็นอุปสรรคและภาระของระบอบประชาธิปไตย เป็นรัฐมนตรีที่เป็นอุปสรรคภาระของการศึกษาอย่างแท้จริง จนเป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการที่ถูกนักเรียนที่ในช่วงที่เขาเติบโตมาเห็นคาบนกหวีดไล่คนอื่น เป่านกหวีดไล่บ้าง
“ณัฏฐพล” แจงปมการปฏิบัติหน้าที่ รมว.ศธ. ย้ำไม่เคยหลบหนีปัญหา พร้อมเปิดรับฟังความเห็นและแก้ปัญหา
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ชี้แจงกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายด้านการศึกษา ว่า ตนยอมรับในกระบวนการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผู้อภิปรายว่าตน ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา และความสามารถ คุณธรรม จริยธรรมและไร้สำนึกความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะผู้นำใช้อำนาจแทรกแซง ปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริตผิดกฎหมาย ไม่ยึดหลักนิติธรรม ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี
ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามแก้ไขปัญหาการศึกษาในลักษณะการปรับแก้หรือแก้ไขในบางประเด็น ไม่สามารถเปลี่ยนการศึกษาของประเทศไทยได้ แล้ววันนี้หากเป็นคนยุคใหม่เป็นคนที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องยอมรับว่าต้องพลิกการศึกษาของไทย ซึ่งต้องลงไปดูในรายละเอียด ตนรับทราบปัญหาดี ตนไม่เคยหลบหรือหนีปัญหา ด้วยกระบวนการที่นักเรียนมายังกระทรวงศึกษาธิการ ตนก็ต้อนรับและรับฟัง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปถึงปัญหาได้ และยอมรับว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่พูดถึงคุณภาพการศึกษาเป็นพื้นฐานความจริงที่เกิดขึ้น ปัญหาของผู้สอนภาระงานของครู อัตรากำลังการประเมินวิทยฐานะ
ทั้งนี้ กรณีค่าอาหารกลางวัน เหมือนกับงบประมาณอื่นๆที่ทุกกระทรวงต้องอยากได้งบประมาณที่มากที่สุด สำหรับกระทรวงตัวเอง แต่ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณของประเทศเช่นกัน ตนเป็นคนเสนอจากคลิปวิดีโอ ตนพูดถึงงบประมาณ 36 บาท และต่ำสุดวันนั้นคือ 24 บาท แต่เมื่อตนได้ไปทำการบ้าน ไปดูภาระของงบประมาณ และข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น ตนจึงปรับ จาก 36 บาท ลงมาเหลือ 21 บาท โดยมีการพูดคุยกับสำนักงบประมาณ โดยมีข้อกังวลว่าหากขึ้นไปตามขั้นบันไดตามที่ตนได้พูด ภาระงบจะเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท
โดยในอนาคตจะมีโรงเรียนขนาดกลางมากขึ้น โรงเรียนขนาดเล็กจะเหลือแค่โรงเรียนที่เป็นโรงเรียน stand alone โดยหลังจากนั้นเราจะสามารถคำนวณตัวเลขที่เหมาะสมได้ เพราะขณะนี้กำลังทำแผนอยู่ทั่วประเทศ และตนก็พร้อมจะรับฟังความคิดเห็นในแผนการบูรณาการการศึกษาในจังหวัดพิษณุโลก แต่ต้องให้ทีมงานนั้นทำข้อมูลมาก่อน
“ยุทธพงศ์” ลั่น”ณัฏฐพล” ไร้สำนึก สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ ร่วมประชุม ศธ.ปี 63 มีพฤติกรรมฉ้อฉลเอื้อประโยชน์พวกพ้อง
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าว อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่านายณัฎฐพล ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก แต่งกายเสื้อยืด กางเกงยีนส์ ไปร่วมประชุมข้าราชการผู้ใหญ่ระดับสูง ของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2563 นึกว่าไปเป่าหวีด ที่เวที กปปส. เพราะใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน ขาดแต่ไม่ได้ห้อยนกหวีด
นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมฉ้อฉล แต่งตั้งคนสนิทและพวกพ้อง เข้าสู่ตำแหน่งในกระทรวงศึกษาธิการ ทำลายหลักธรรมาภิบาล และ หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี อีกทั้งยังกำกับดูแลหน่วยงานสำคัญเองทั้งหมด โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ มีงบประมาณกว่า 1 หมื่น 5 พันล้านบาท เป็นรายได้ที่ไม่ต้องนำเข้ารัฐ ซึ่ง นายณัฎฐพล นั่งเป็นประธานมีการรับเปลี่ยนคุณสมบัติตำแหน่งใน สกสค.เพื่อให้คนสนิทของตนเองเข้ามาทำหน้าที่ โดยไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่มีเพียงประกาศจากสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องบูรณาการศึกษา ที่ออกคำสั่งสพฐ.ที่ 11/2564 ในเรื่องการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ และกฎกระทรวงถือเป็นการใช้อำนาจทางการเมือง แทรกแซงข้าราชการประจำ และตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อการใช้งบประมาณ เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองหรือไม่ กรณีแต่งตั้งนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปคุมจังหวัดบุรีรัมย์ แต่บ้านเกิดอยู่ปราจีนบุรี และ นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปคุมจังหวัดภูเก็ต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news