“พิธา” นำทีมก้าวไกลเปิดนโยบายราชการไทยก้าวหน้า
“พิธา” นำทีมก้าวไกลแถลงนโยบายราชการไทยก้าวหน้า บอกเตรียมทำแผนระบบราชการ 3 ป. มองหากทำงานมีประสิทธิภาพประเทศจะก้าวหน้ากว่านี้
พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงนโยบาย “ราชการไทยก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล
โดยนายพิธา กล่าวถึงเรื่อง “ต้องก้าวไกล ให้ราชการไทยก้าวหน้า ว่า พรรคก้าวไกลเปิดนโยบายวันนี้เนื่องจากเป็นวันต่อต้านคอรัปชั่นโลก ซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายนี้เป็นเสาที่ 4 จากทั้งหมด 9 เสา ของพรรคก้าวไกล โดยนายพิธา กล่าวต่อว่า เรื่องการขึ้นค่าแรงของพรรคก้าวไกลมองว่าควรอยู่ที่ 400-450 บาทในปี 2570 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยราชการเพื่อราษฎรมีความสำคัญ คือ เป็นผู้กุมกฎหมายทั้งหมด 15,000 ฉบับ กฤษฎีกา 700 ฉบับ เป็นต้น
โดยมองว่าหากระบบราชการรวดเร็ว ทำงานได้มีประสิทธิภาพ ประเทศจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้ โดยพรรคก้าวไกลมีการวางแผนราชการระบบ 3 ป. คือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และปกป้องประชาชน ไม่ใช่รัฐบาล 3 ป.ที่เจอมาตลอด 8 ปี โดยพบว่าเรื่องการคอรัปชั่นจากปี 2557 ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 85 แต่ปี 2565 ตกลงมาอยู่ที่อันดับที่ 110 ซึ่งตกลงมาถึง 25 อันดับ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถจัดการปัญหาได้ ราชการเพื่อราษฎรจึงเป็น 3 เสาหลักที่พรรคก้าวไกลจะทำ
ด้านนายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงเรื่อง “โปร่งใส : นโยบายต่อต้านทุจริต” ว่า พรรคก้าวไกลไม่เชื่อว่าผู้อยู่ในอำนาจจะแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ด้วยการหวัง ซึ่งตนเคยขอสัญญาต่างๆเกี่ยวกับรัฐทำสัญญาอะไรกับเอกชน ซึ่งยากมากที่จะมีการเปิดเผยข้อมูล โดยข้อมูลที่ทำต้องครบถ้วน เข้าถึงง่าย และต้องวิเคราะห์ต่อได้
และหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะทำให้เป็นมาตรฐานกลางที่คนจะเข้าถึงง่าย เช่น ตัวเลขจะทำเป็นระบบ Excel ที่สามารถดูข้อมูลได้ง่าย เปิดเผยการจัดซื้อจัดจ้างแบบทันที ระบบจับโกงอัจฉริยะ โดยจะมีการติดธงแดง เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่มีผู้ประมูลที่เดียว และหากก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะทำได้ทันที มีการเปิดใช้งานได้ภายใน 1 ปี และจะเสร็จสมบูรณ์ใน 2 ปี
นอกจากนี้จะมีการสร้างระบบโกงแล้วไม่รอดอีกด้วย นอกจากเปิดเผย และโปร่งใส จะเป็นระบบต้านคอรัปชั่นที่ถูกลง พรรคก้าวไกลเชื่อว่าประชาชนไม่ได้ต้องการคนที่อ้างว่าเป็นคนดีมาเพื่อปราบโกง แต่ต้องการพรรคการเมืองที่ใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่า และให้ประเทศไทยปราศจากทุจริตแบบที่คิดไปด้วยกัน
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงเรื่อง “ประสิทธิภาพ: นโยบายปฏิรูประบบราชการ” ว่า รัฐไทยมีแต่โตขึ้น แต่ประสิทธิภาพไทยกลับแย่ลง โดยนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะทำ คือนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ทุกบริการของรัฐต้องทำได้ผ่านมือถือ และใช้ร่วมกับบัตรประชาชนดิจิทัล ซึ่งภายใน 2 ปีจะต้องทำออนไลน์ได้ เช่น ทะเบียนบ้าน การเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เป็นต้น เรื่องกระบวนการเปิด จะมีแพลตฟอร์มกลางที่เปิดเผยเรื่องร้องเรียน และเรื่องที่ประชาชนเข้าไปใช้งาน
นอกจากนี้จะมีการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน โดยภายใน 2 ปีหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะจัดการกฎหมายและกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ที่จะต้องถูกตัดไปถึงครึ่งหรือ 50% จะมีการจัดทำงบประมาณปรับทันใจ โดยพบว่างบในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมารัฐราชการไทยทำแบบราชการเดิม ไม่ตอบสนองกับระบบที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้นายรังสิมันต์ กล่าวถึงเรื่อง “ปลอดภัย: นโยบายปฏิรูปตำรวจ” ระบุว่า ระบบราชการตำรวจที่ประชาชนฝากความหวังเป็นด่านหน้าดูแลประชาชน วันนี้เมื่อพูดถึงหน่วยงานตำรวจเหมือนจะใกล้ชิดกับประชาชน ขณะเดียวกันตำรวจดูห่างเหินกับประชาชน ตำรวจเก็บส่วย เก็บเงิน ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ทำให้เกิดการเบียดเบียนประชาชน ทำให้ประชาชนสับสนว่าเป็นตำรวจหรือโจรในเครื่องแบบ
ซึ่งพรรคก้าวไกลจะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. และตำรวจยึดโยงกับประชาชน จะขอเปลี่ยนให้หน่วยงานก.ตร. จะต้องมีกรรมการที่มาต้องได้รับการเลือกจากทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ ซึ่งในแต่ละจังหวัดต้องมีนโยบายที่แตกต่างกัน และต้องทำงานแบบบูรณาการด้วยกัน
โดยจะเสนอให้มีคณะกรรมการนโยบายสาธารณจังหวัดที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม นอกจากนี้จะไม่มีนโยบายการโยกย้ายตำรวจที่ไม่ดีไปอยู่อีกที่แบบที่ทำในปัจจุบัน จะมีการตั้งหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนที่ต้องไม่ขึ้นตรงกับสตช. แต่ขึ้นตรงกับสภา พรรคก้าวไกลจะเปิดให้ทุกเพศ โดยเฉพาะเพศหญิงเข้าทำงานตำรวจได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews