นายกฯ หารือนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ย้ำความสัมพันธ์ในทุกระดับ พร้อมหวังเพิ่มพูนความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าการลงทุน โลจิสติกส์ การเกษตรฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับนายมาร์ค รึตเตอ (H.E. Mr. Mark Rutte) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในช่วงการประชุมอาเซียน-อียู สมัยพิเศษ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งฝ่ายเนเธอร์แลนด์เป็นฝ่ายทาบทาม
นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้พบนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทนำในสหภาพยุโรป ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับเนเธอร์แลนด์มีความพิเศษและยาวนาน ครอบคลุมในทุกมิติ และในปี พ.ศ. 2567 จะครบรอบ 420 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งทั้งสองประเทศจะได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรียินดีกับความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และหวังว่าจะรักษาพลวัตความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดผ่านกลไกการประชุม Political Consultations อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ กล่าวยินดีและชื่นชมความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งเนเธอร์แลนด์พร้อมและมุ่งหวังที่จะขยายความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ชื่นชมไทยที่มีบทบาทอย่างสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ ยืนยันความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อสานต่อความร่วมมือทั้งในทุกระดับให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือในประเด็นต่างๆ ดังนี้
ความท้าทายระหว่างประเทศ ทั้งสองพร้อมร่วมมือกันรับมือความท้าทาย ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต โดยไทยกำลังดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งการประชุมเอเปค 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ได้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มี GDP รวมกันกว่าร้อยละ 60 ของโลก และมีจำนวนประชากรกว่าร้อยละ 40 ของโลก และพร้อมสานต่อผลลัพธ์สำคัญของ
เอเปคร่วมกับสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศเจ้าภาพเอเปคในปีหน้า จึงหวังว่าจะได้ร่วมมือกับประเทศนอกภูมิภาคเอเปค รวมถึงเนเธอร์แลนด์ในการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญ อาทิ เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG และการฟื้นฟูการเดินทางข้ามพรมแดนที่สะดวกปลอดภัย เป็นต้นการค้าการลงทุน ผู้นำทั้งสองต่างยินดีที่ทั้งสองประเทศต่างเป็นคู่ค้าสำคัญ
โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญเนเธอร์แลนด์ให้มาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญ โดยไทยพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน รวมทั้งพิจารณาใช้ไทยเพื่อเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งไทยมี นโยบาย EV 30@30 มีเป้าหมายผลิต EV ในไทยให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 และมีมาตรการสนับสนุนราคารถ EV และสถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์เดินทางเยือนไทยเพื่อหารือด้านการค้าจับคู่ธุรกิจกับภาคเอกชนไทย
ด้านโลจิสติกส์ นายกรัฐมนตรีหวังว่า ทั้งสองประเทศจะกระชับความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านโลจิสติกส์ เนื่องจากทั้งไทยและเนเธอร์แลนด์ต่างเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าของภูมิภาค และมีจุดแข็งทางด้านโลจิสติกส์ ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมศักยภาพและความเชี่ยวชาญของเนเธอร์แลนด์ในด้านการเกษตร ในฐานะประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรมากเป็นอันดับสองของโลก หวังว่าจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกันต่อไป
ในด้านความร่วมมือพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อการยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน – สหภาพยุโรป ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยไทยและเนเธอร์แลนด์สามารถเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างสองภูมิภาค ผู้นำทั้งสองยังยินดีกับการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษในครั้งนี้
ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้นำของทั้งสองภูมิภาคได้พบปะและผลักดันความร่วมมือที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ไทย ในฐานะประเทศผู้ประสานงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน ยินดีให้ความร่วมมือกับเนเธอร์แลนด์ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและวาระสีเขียวในภูมิภาคต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028-Phuket Thailand โดยหวังที่จะให้เวทีนี้เป็นเวทีให้นานาประเทศนำเสนอแนวทางเพื่อเป็นทางออกร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความร่วมมือสู่ความยั่งยืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews