“ศักดิ์สยาม” ซัดกลับ “มงคลกิตติ์” บอก ไม่มีล็อกสเปคทำถนนกรมทางหลวง ท้ามีหลักฐานเรียกรับเงินส่วนราชการ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดี
นาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีการล็อคสเปคงานกรมทางหลวงชนบท และเรียกรับสินบน โดยระบุว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ซึ่งสเปคงานของกรมทางหลวงขณะนี้ในอดีตที่ผ่านมามีความเสียหาย ผิวลาดยางไม่มีคุณภาพ ซึ่งต้องดูอุณหภูมิที่ออกจากโรงงาน ว่า เป็นไปตาม ASTM และ AASHTO หรือไม่ มีการปรึกษาหารือทั้งกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทมาโดยตลอด และได้ข้อสรุป ในเดือนมกราคม ปี 2563 มีหนังสือสั่งการออกไปยังหน่วยงานกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทเพื่อดำเนินการ ยืนยันเป็นการทำตามมาตรฐานไม่ใช่การล็อกสเปคแต่อย่างใด
ส่วนข้อกล่าวหาที่บอกว่าตนไปแทรกแซงล้วงลูกการทำหน้าที่ของข้าราชการประจำ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า เป็นไปตามแผนการบริหารงานตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2564 และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฉบับที่ 5 ปี 2545 ที่ระบุไว้ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนหนึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการกำหนดนโยบายเป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานในกระทรวง ให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงไว้ ประกอบกับอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี
รวมไปถึงในมาตรา 8 ได้กำหนดให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่กำกับหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ให้มีการติดตามตรวจสอบ และประเมินการทำงานหรือเพื่อการใช้จ่ายงบประมาณเกิดผลสำเร็วสูงสุด
ส่วนข้อกล่าวหาที่บอกว่าตนสั่งการให้เก็บเงินจากส่วนราชการนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และส.ส.มีข้อมูลขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งจะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ และที่มีการพาดพิงถึงส.ส.ในสภานี้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องระบุตัวเพราะเรื่องนี้ผิดรัฐธรรมนูญ
“มิ่งขวัญ” ซัดรัฐบาลจ่ายเยียวยาผ่านแอปทำคนโกงเกิดความเลื่อมล้ำ หลายคนต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่เพิ่มภาระประชาชน
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจในกรณีมาตรการเยียวยาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิด – 19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ว่า ประเทศที่ร่ำรวยมหาศาลอย่างสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น ใช้ระบบจ่ายเงินตรง จึงถามกลับว่าไทยสมควรหรือไม่ในการใช้จ่ายเงินผ่านแอปเป๋าตัง บอกว่าเหมือนกับการเล่นเกมชิงโชค หากสมัครแอปพลิเคชั่นเป๋าตังไม่ได้เท่ากับว่าลดโอกาสไปแล้ว รวมไปถึงการลงทะเบียนทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันเราไม่ทิ้งกัน คนละครึ่ง เราชนะ และม.33 เรารักกัน จนนำมาซึ่งการโกงออนไลน์ที่ปรากฏตามหน้าข่าว
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเข้าถึงออนไลน์ ที่มีการระบุให้ซื้อโทรศัพท์ใหม่เพื่อให้ได้เงินชดเชย การแก้ไขปัญหาโควิด -19 ก็รณรงค์ให้เว้นระยะห่าง แล้วลงทะเบียนไม่ได้ก็ต้องไปแย่งกันแออัดอยู่ที่ธนาคาร จึงตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำพิธีให้ลึกล้ำ ไฮเทคโนโลยีอะไรกันนักหนา เหตุใดการค้าออนไลน์ถึงไม่ไฮเทค มองดูแล้วขัดกันไปหมด
นอกจากนี้ ตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่แจกเงินสดให้กับประชาชนโดยตรง โดยระบุว่าภายในจังหวัด มีทั้งผู้ว่าราชการ นายอำเภอผู้ใหญ่บ้าน อสม. อบต. เขารู้หมดทุกตำบลทุกอำเภอและเหตุใดจึงไม่แจกเงินสดให้เขา เรื่องง่ายกลับทำให้เป็นเรื่องยาก รวมไปถึงเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ แต่ตนต้องพูดด้วยความหวังดีเตือนไปยังฝ่ายนิติบัญญัติว่ามีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงิน แต่ละ แอปพลิเคชั่น ได้เข้าไปตรวจสอบความโปร่งใสหรือไม่ การใช้เงินในแอปพลิเคชั่นมีอยู่จริงหรือไม่ นี่คือการทุจริตอีกรูปแบบหนึ่งโดยรัฐบาลเป็นผู้ทำเอง หากทำเช่นนั้นถือว่าใจดำอำมหิต
“วิสาร” ซัดรัฐบาลใช้งบฯ 45 ล้านบาท แต่ประชาชนกลับไม่มีไฟฟ้าใช้ ลั่น นายกฯเป็นไส้ติ่งเน่าของประเทศ
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส. เชียงรายพรรคเพื่อไทย เปิดคลิปวิดีโอพิมรี่พาย ติดตั้ง แผงโซล่าเซลล์ที่ อำเภออมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับระบุว่า พิมรี่พาย ใช้งบประมาณในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ในพื้นที่เพียง 55,000 บาท แต่ในพื้นที่ใกล้เคียง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้งบมาจากกองทุนพัฒนา พลังงาน 45 ล้านบาท อย่างเช่นอำเภออมก๋อย คนถามว่า เกินความจำเป็นหรือไม่ ในการก่อสร้างจุดละ 9 ล้านบาท แต่ที่ตลกร้ายคือ โครงการเหล่านี้ ยังไม่ได้ก่อสร้าง ชาวบ้านยังไม่ได้ใช้ไฟ โทรทัศน์ก็ดูไม่ได้ ตนจึงถามไปยังนายกรัฐมนตรี ว่า ทหาร กอ.รมน. มีหน้าที่ในการไปต่อไฟฟ้าหรือ และแผงโซล่าเซลล์ ที่ทำด้วยทองคำหรืออย่างไร เหตุใดจึงแพงกว่าพิมรี่พาย ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ตนก็ได้ดำเนินการตรวจสอบไม่มีประชาชนอยากได้ เพราะสว่างเกินไป ธรรมชาติเสียหาย เช่น จิ้งหรีด ภาษาเหนือเรียกว่า จี้กุ่ง ไม่กล้าออกรู เพราะกลางวันก็สว่าง สว่างกลางคืนก็สว่าง ตายคารูเลย เป็นไขมันอุดตันตาย เสียธรรมชาติ เสียสภาพแวดล้อม
ทั้งนี้ นายวิสาร ทิ้งท้ายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นไส้ติ่งเน่าของประเทศ
“ชัยชาญ” แจงปมสวัสดิการของกองทัพ ย้ำงบฯไฟฟ้าอมก๋อยมีงบสูงใช้ของมาตรฐาน อยู่ระหว่างส่งมองท้องถิ่นดำเนินการ
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงสวัสดิการของกองทัพทุกส่วนราชการมีสวัสดิการตามความสามารถที่จะดำเนินการได้ แต่ในส่วนของกองทัพประเทศต่างๆโดยเฉพาะในอาเซียนหรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา ก็มีสวัสดิการที่จะรองรับในกรณีปฏิบัติภารกิจและกลับมาพัก ก็มีกรอบแนวคิดกรอบการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีสวัสดิการบ้านพักภายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพและกรมธนารักษ์ ในการทำเป็นบัตรสวัสดิการให้กับกำลังพล ซึ่งกำลังพลแต่ละคนไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถพักอาศัยเมื่อเกษียณได้แล้ว โดยดำเนินการที่จะลงนามความร่วมมือกัน ซึ่งร้อยละ 70 เป็นลูกจ้างและกำลังพลของกองทัพ และอีกร้อยละ 30 เป็นข้าราชการทั่วไป ซึ่งเป็นข้อตกลงกันระหว่างกองทัพในการใช้ที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
ส่วนสถานพักผ่อนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้เข้าไปอยู่ในระบบของสวัสดิการเชิงธุรกิจ เป็นความร่วมมือกับกรมธนารักษ์ในการร่วมมือกันดำเนินกิจการ โดยหากมีรายได้ก็จะส่งให้กรมธนารักษ์ และบางส่วนก็จะเป็นสวัสดิการให้กับกำลังพลในกองทัพ
ส่วนอำนาจหน้าที่ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ไม่ได้เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหม แต่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี รวมทั้งทหาร พลเรือน และตำรวจ ซึ่งในปัจจุบันภัยที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะภัยพิบัติไม่สามารถที่จะมีหน่วยงานเดียวในการดำเนินการในภัยพิบัติได้ การดำเนินการร่วมกันทุกหน่วยงานก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาในการดูแลหรือรองรับภัยพิบัติต่างๆ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการปรับแก้เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของกอ.รมน. ส่วนใหญ่จะเพิ่มเติมในส่วนที่จะดูแลประชาชนเรื่องการบรรเทาสาธารณภัยมากกว่าเรื่องความมั่นคง
ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้มีการชี้แจงการติดโซล่าเซลล์ในพื้นที่ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ มีงบประมาณสูงถึง 45 ล้าน ว่า เนื่องจากมีส่วนควบที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องการปักเสา 5 กิโลเมตรเศษ สถานที่เก็บแบตเตอรี่ และระยะประกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการที่จะส่งมอบให้กับท้องถิ่นรับไปดำเนินการต่อ
“ประวิตร” แจงปม”คฑาเทพ” มอบเหล็กไหลให้ ด้าน “ธรรมนัส” ยัน กฎหมายที่ดิน สปก.อนุญาตให้ 3 กลุ่ม เช่า-ซื้อได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง ภายหลังนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคปวงชนไทย ปมกล่าวหาว่าในวันเกิดปีที่ 75 ของ พล.อ.ประวิตร นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พลังไทยรักไทย ได้นำเหล็กไหล มามอบให้ ซึ่งมูลค่าเกิน 3,000 บาท ซึ่งขัดกับหลักของกฏหมาย ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ รับทรัพย์สินที่เกิน 3,000 บาท ว่า ตนได้ฟังการอภิปรายของท่านสมาชิก ผมว่าท่านพูดทั้งหมดนั้น ไม่เป็นความจริงเลย ก่อนที่เดินออกจากห้องประชุมทันที
ด้าน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน ลงวันที่ 28 ต.ค.2563 ยอมรับ ว่ามีความจำเป็นจะต้องมีการเปลื่ยนแปลงแก้ไขระเบียบต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับบริบทความจริงใจปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงไป และสาระสำคัญต่อไปนี้ การได้รับอนุญาตจะต้องไม่อยู่ในดุลพินิจของข้าราชการที่เป็นคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินของจังหวัด เพราะจะเป็นช่องทางของการทุจริต ซึ่งจะต้องชัดเจนไปเลยว่าประเภทไหนทำได้หรือทำไม่ได้เท่านั้น ไม่มีสาระอื่น ไม่มีการเปลื่ยนแปลงเพิ่มเติม หรือ ระเบียบอะไรทั้งสิ้น
พร้อมย้ำเจตนารมณ์กฏหมาย สปก. ว่า บุคคลที่จะได้รับ อนุญาตให้ทำเข้าประโยชน์ เช่า-เช่าชื้อ หรือซื้อในที่ดินของรัฐประเภท สปก. ประกอบไปด้วย 3 ประเภท
1. การจัดสรรที่ดินเกษตรกรรม เพื่อเกษตรกร 2.จัดที่ดินให้กับบุคคลทั่วไป สำหรับกิจการอื่น ที่เป็นการสนับสนุน หรือ เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน 3.อนุญาตให้ส่วนราชการหรือเอกชน ที่ไม่แสวงหากำไรใช้ที่ดิน เพื่อสาธารณูปโภค กิจการอื่นเพื่อสาธารณะและการศึกษา หรือความเป็นอยู่ของเกษตรกรในชุมชน
ดังนั้นจึงย้ำว่า สิ่งที่ผู้อภิปรายกล่าวว่า ผิดวัตถุประสงค์ที่จะไปทำโรงงานหรือกิจการอื่นๆ นั้น ยืนยันว่าโดยกฏหมายที่ดิน สปก.อนุญาตให้บุคคล 3 กลุ่มนี้ ไม่ใช่เฉพาะแค่เกษตรกรเท่านั้น
“อนุพงษ์” แจงปม ทุจริตโครงการภัยแล้ง ยันมีการตรวจสอบความโปร่งใส หากมีผิดจริงต้องเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงในกรณีทุจริตโครงการภัยแล้ง ว่า ในช่วงต้นปี 63 หน่วยงานที่รับผิดชอบประมาณการว่าน่าจะประสบปัญหาภัยแล้งอย่างแน่นอน และมีการติดตามสถานการณ์ถึงเดือน ก.ค. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ได้มีการแจ้งเตือนให้เตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำในส่วนที่จะทำได้ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทำแผนงานโครงการเล็กๆในพื้นที่ พร้อมของกลางจากรัฐบาล ประมาณ 20,000 บาท ใช้วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีความจำเป็น โดยงบจะต้องจ่ายอยู่ที่คลังจังหวัด และแผนงานจะต้องผ่านคณะกรรมการบูรณาการจังหวัดซึ่งงบประมาณจะต้องผ่านสำนักงานจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ซึ่งได้โครงการออกมากว่า 14,000 โครงการ วงเงินงบประมาณ 7 พันล้านบาท โดยจะต้องผูกพันให้เสร็จภายในเดือนกันยายน เพราะเป็นเรื่องฉุกเฉิน เร่งด่วน และโครงการใหญ่ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้ซักซ้อมการปฏิบัติในการจัดทำแผนงานโครงการ และการตรวจสอบความโปร่งใส และแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ส่วนหนึ่งอย่างไรก็ตาม หากมีการพูดถึงความไม่โปร่งใสทุจริต ไม่ว่าจะเกิดแล้วหรือเพิ่งตรวจเจอ จะต้องมีการดำเนินการ เอาผิดลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news