“พิธา” ลั่น นายกฯ ไม่มีความสามารถบริหารประเทศ ยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในชาติ บริหารเศรษฐกิจทำคนจนเพิ่มเรื่อยๆ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า
1.รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ฉ้อราษฎร์บังหลวง เอื้อนายทุน ทำลายนิติรัฐเพื่อพวกพ้องของตนเอง ภายใต้รัฐบาลนี้กลับมีกฎหมายอยู่ 3 ชุด คือ
ชุดที่ 1. เป็นกฎหมายสำหรับคนธรรมดาสามัญชน ที่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย
ชุดที่ 2 เป็นกฎหมายสำหรับคนรวย เจ้าสัว คนใกล้ชิดรัฐบาล
และชุดที่ 3 มีไว้สำหรับผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาล ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ชัดเจนว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในกองทัพ
2.รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ รัฐบาลได้ใช้ทหาร ด้วยภาษีของประชาชนคนไทย ที่ควรได้เป็นรั้วของชาติแต่กลับโดนเอามาทำปฏิบัติการข่าวปลอม เพียงเพื่อ เอามาอวยตัวเอง เพื่อทำลายผู้ที่คัดค้านรัฐบาล ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกัน
และ 3. รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน ในปีเดียวมีคนจนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน ด้วยความไร้ความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บริหารเศรษฐกิจ แบบเช้าชามเย็นชาม ไร้วิสัยทัศน์ ไร้ยุทธศาสตร์ ความจริงเศรษฐกิจไทยวิกฤติ มาตั้งแต่ก่อนมีโควิด-19 แล้ว
และเมื่อเกิดการระบาดโควิด ในประเทศไทย ทั้ง 2 ระลอก คนไทยจะกลับมาทำมาหากินได้ ต้องมีวัคซีน วัคซีน คือ ความมั่นใจ คือเศรษฐกิจปากท้อง แต่ตอนนี้วัคซีนล่าช้า เสียหายเดือนละ 2.5 แสนล้านบาท ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ซ้ำร้าย รัฐบาล ยังประมาทเลินเล่อ เดิมพันทุกอย่างที่มี ทุ่มกับวัคซีน ยี่ห้อเดียว จากบริษัทเดียว
พร้อมระบุว่า พล.ประยุทธ์ บริหารประเทศไม่ได้มีหลักการอะไรเลย พอเหตุการณ์เกิดอย่างหนึ่ง ก็อ้างอย่างหนึ่ง พอเกิดตรงกันข้าม ก็อ้างอีกแบบหนึ่ง แก้ตัวไปวันๆ
“พิธา” ลั่น นายกฯบกพร่องร้ายแรงไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย ย้ำถ้าไม่อยากให้มีม็อบต้องไม่สร้างเงื่อนไข
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ บกพร่องร้ายแรงที่สุด คือความไม่เข้าใจหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ วิธีปฏิบัติของนายกฯ ในระบอบนี้ โดยระบอบนี้ มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประชาธิปไตย ราชอาณาจักร และระบบรัฐสภา ซึ่งในรัฐธรรมนูญมีการประสานหลักการเหล่านี้ไว้ในมาตรา 3
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปี นายกรัฐมนตรี ไม่เข้าใจในการเป็นนายกรัฐมนตรี ในระบอบนี้ โดยอ้างสถาบันฯ เป็นเกราะคุ้มกัน ปกป้องตัวเองมาตลอดเวลา ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ความกลัว ด้วยการใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีกับนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่เรียกร้องการปฏิรูปสถาบัน ตนไม่เชื่อว่าการใช้มาตรา 112 อย่างพร่ำเพรื่อ จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันเลย แม้แต่น้อย ที่ผ่านมาพวกตนพยายามหาทางออก ด้วยการใช้กระบวนการทางสภา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมีแต่อคติบังตา กล่าวหาว่าพวกตนอยู่เบื้องหลัง ว่าล้มล้างสถาบันและเมื่อมีคนมาชุมนุม ประท้วงรัฐบาลยังมาอ้างสถาบันอีก
ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้มีม็อบ ผู้มีอำนาจต้องไม่สร้างเงื่อนไข ให้มีม็อบ ไม่เอาสถาบันฯ มาอ้างปิดบังความล้มเหลว ของตัวเอง ถ้าตนเป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่ปล่อยให้มีการพูดเรื่องสถาบันไปเรื่อย จนไปไม่มีทางออกแบบนี้ แต่จะเอาเรื่องนี้มาไว้ในพื้นที่ในสภา เพื่อให้คนทุกกลุ่ม ทุกพรรค ได้พูดคุยกันด้วยเหตุผล อย่างมีวุฒิภาวะ
เวลานี้ ประเทศไทยมาถึง ทางสองแพ่ง ถึงเวลาแล้วที่สภา จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ หรือ เลือกประเทศ ถ้าเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีประเทศหลงเหลือ แต่ถ้าเลือกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นสิ่งแรกที่ต้องแกะสลักออก
- มติ2วิปลงมติซักฟอก20กพ.10โมงยันคืนนี้ลากยาวจนจบ
- ชายซิ่งจยย.ป่วนม็อบเฟส-การ์ดห่วงเป็นมือที่สาม
- “ศรัณย์วฒิ”ซัดนายกฯล้มเหลวทุกด้าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news