นายกรัฐมนตรียืนยันไม่มีการบิดเบือนกฎหมายสถานะธนาคารกรุงไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถานะธนาคารกรุงไทย ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจง ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้องของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่อสถานะของธนาคารกรุงไทยว่า ไม่ได้บิดเบือนกฎหมายตามที่มีการอภิปราย ซึ่งจากเดิมธนาคารกรุงไทยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามบทนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และในชั้นการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 55/2558 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ศาลฯ ได้วินิจฉัยว่าธนาคารกรุงไทยเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นไปตามบทนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสถานะของธนาคารกรุงไทยในระหว่างที่พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มีผลใช้บังคับ ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ต่อมา พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแทนพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 โดยบทนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงมีข้อสงสัยว่ากองทุนฯ มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ และมีหนังสือหารือมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) พิจารณาบทนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันแล้ว เห็นว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่เข้าลักษณะเป็นรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อกองทุนฯ ถือหุ้นของธนาคารกรุงไทยมากกว่าร้อยละ 50 ก็ไม่ทำให้ธนาคารกรุงไทยเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
ทั้งนี้ ผลการวินิจฉัยดังกล่าวจึงทำให้ทั้งกองทุนฯ และธนาคารกรุงไทยไม่ได้เป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ และไม่สามารถขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามกฎหมายวิธีการงบประมาณได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news