“หมออ๋อง” ซัด รัฐบาลทำเรื่องน่าอาย จัดหารือไม่เป็นทางการเชิญรัฐบาลทหารเมียนมาร์เข้าร่วม แนะจะเป็นประเทศตัวกลางชอบธรรม ต้องเริ่มจากทำตามข้อตกลงอาเซียนให้ได้ก่อน
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วันนา หม่อง ลวิน (U Wunna Maung Lwin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ และผู้แทนจากชาติสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ในขณะที่อีก 5 ประเทศไม่เข้าร่วม ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และบรูไน
ทั้งนี้นายปดิพัทธ์ ระบุว่า เมียนมาร์กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่เมื่อดูปัจจัยแวดล้อมในการเมืองเมียนมาร์ปัจจุบัน ไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าการเลือกตั้งจะเสรีและเป็นธรรม เพราะนักโทษการเมืองยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ความรุนแรงบริเวณชายแดนยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากดอน ให้เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในด้านสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เคยออกมาแถลงขอให้ประชาคมโลกมั่นใจในการเลือกตั้งของเมียนมาร์ แต่ความมั่นใจนี้สวนทางกับฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนที่ต้องการให้เมียนมาร์เดินหน้าไปสู่สันติภาพก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ไทยไม่อยู่ในจุดที่มีความชอบธรรมจะเป็นเจ้าภาพหรือตัวกลางพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาร์อีกต่อไป เนื่องจากการแสดงจุดยืนหลายครั้งที่ผ่านมามีลักษณะสวนทางกับการนำไปสู่สันติภาพในเมียนมาร์ เช่น งดออกเสียงมติของสหประชาชาติกรณีระงับขายอาวุธให้เมียนมาร์
หรือที่ทางการไทยส่งผู้ลี้ภัยการสู้รบกลับเมียนมาร์ในปี 2564 รวมถึงการจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ ก็ไม่เป็นไปตามฉันทามติ 5 ข้อและการตัดสินใจของอาเซียนที่จะไม่ให้เมียนมาร์เข้าร่วมในการประชุมระดับสูง ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ดังนั้นตอนนี้ไทยกำลังใช้จุดยืนเดียวกันกับเมียนมาร์ในการละเมิดข้อตกลง หากต้องการกลับมามีสถานะผู้นำในภูมิภาคอย่างชอบธรรม รัฐบาลไทยต้องเริ่มจากทำตามฉันทามติ เปลี่ยนจุดยืนของประเทศไทยบนเวทีโลกเสียก่อน ซึ่งเป็นความน่าอับอาย และเป็นการกระทำที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกครั้งหนึ่งของรัฐบาลไทย ไม่ว่าฝ่ายการเมืองจะพยายามส่งเสียงให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างไร แต่เพราะทั้งไทยและเมียนมาร์ปัจจุบัน มีรัฐบาลทหารที่กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งและการสืบทอดอำนาจแบบเดียวกัน ผลเลยออกมาเป็นแบบนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews